CRIME

ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดี ‘ผกก.โจ้’

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดตรวจพยานหลักฐาน คดี ‘ผกก.โจ้’ กับพวกรวม 7 คน ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดระหว่างควบคุมตัวจนเสียชีวิต-จำเลยอ้างเหตุ ไม่ได้มีเจตนาทำให้เสียชีวิต แค่ต้องการทำให้กลัวเท่านั้น

วันนี้ (19 ม.ค. 65) เวลา 09.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจหลักฐานคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 7 คน กรณีใช้ถุงดำคลุมหัวนายจิระพงษ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน ผู้ต้องคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ขณะอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน โดยศาลฯ ได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 7 คน จากเรือนจำกลางคลองเปรม มาร่วมรับฟังการพิจารณาในชั้นตรวจหลักฐาน

ขณะที่ในวันนี้ เรืออากาศตรีจักรกฤษ จั่นดี และนางจันจิรา ธนะพัฒน์ พ่อแม่ของนายจิระพงศ์ เดินทางมาศาล โดย เรืออากาศตรีจักรกฤษ ยอมรับว่า ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และจะขอยื่นศาลฯ เพื่อให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน หนึ่งล้านห้าแสนบาท กับครอบครัว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีในชั้นศาลทางอัยการ รับทำคดีไปตามกฎหมาย

โดยคดีดังกล่าว ศาลฯ ได้มีการนัดสอบคำให้การจำเลยเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ 4 ข้อหา

  1. ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญา ม. 157
  2. เป็นเจ้าพนักงานของรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ม.172
  3. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ป.อาญา ม.289(5)
  4. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ป.อาญา ม. 309

ซึ่งด้านจำเลยที่ 1 พ.ต.อ.เอกธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้ ให้การรับสารภาพ 3 ข้อหา แต่ในข้อกล่าวหาที่ 3 ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานกระทำการทารุณ ได้ให้การปฏิเสธ อ้างเหตุประสงค์เพื่อเป็นการขยายผลในคดียาเสพติดเท่านั้น โดยไม่ได้มีเจตนาทำให้ถึงแก่ชีวิต

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดในวันนี้ (19 ม.ค. 65) ศาลฯ สอบจำเลยทั้ง 7 คน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสำนวนคดีเบื้องต้น โดยย้ำว่า ข้อเท็จจริงนี้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนไม่ใช่การชี้ว่าใครถูกหรือผิด แต่กระบวนการนั้นจะอยู่ในการไต่สวนคดีนัดถัดไป

ซึ่งจำเลยทั้ง 7 คน รับว่าเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยศาล ยังถามจำเลยทั้งหมดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า ในวันที่ 4 สิงหาคม 2564 จำเลยทำหน้าที่ชุดตำรวจปราบปรามยาเสพติดและจับ ผู้เสียชีวิตและภรรยาพร้อมไอซ์ มาควบคุมตัวที่ห้องปฏิบัติการพิเศษยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เพื่อสอบสวนขยายผลคดียาเสพติด

โดยปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 นำถุงพลาสติกสีดำหลายใบ มาคลุมศีรษะของผู้เสียชีวิตและมีจำเลยที่เหลืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งในประเด็นนี้จำเลยที่ 1 แถลงยอมรับว่านำถุงพลาสติกหลายใบมาคลุมศีรษะจริงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รัดแน่น หรือมีเจตนาให้เสียชีวิต

ส่วนประเด็นคลิปและภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์ทั้งหมด จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาล ขอให้ศาลพิจารณาโดยอ้างว่ามีเหตุการณ์ช่วงที่พยายามช่วยชีวิตถูกตัดหายไป และมีตำรวจบางนายไม่ปรากฏในคลิปเหตุการณ์ที่อยู่ในสำนวนคดีชั้นศาล อีกทั้งมีคำให้การเท็จ ซึ่งในประเด็นนี้ ศาลรับว่าในชั้นไต่สวน สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันในชั้นต่อไปได้

สำหรับกระบวนการนัดตรวจพยานหลักฐาน เมื่อแล้วเสร็จขั้นตอนนี้ ศาลจะนัดวัน เพื่อไต่สวนคดี ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินวันที่ 16 มีนาคม 2565

Related Posts

Send this to a friend