รองโฆษก ตร.ยันตำรวจกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดกรณีโฆษณาลาซาด้า
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตำรวจไม่นิ่งนอนใจ เร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับการเผยแพร่โฆษณาของบริษัทลาซาด้า
วันนี้ (11 พ.ค. 65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีการเผยแพร่สื่อโฆษณาที่มีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่น ล้อเลียน ผู้ป่วยและผู้พิการ และมีเจตนาในการพาดพิง ดูหมิ่นสถาบันฯ ของ บริษัท ลาซาด้า โดย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปรากฏการนำเสนอโฆษณาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งต่อมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องในกรณีนี้
ทั้งบริษัท ลาซาด้าฯ บริษัท เอเจนซี่โฆษณา และบุคคลที่ทำคลิปล้อเลียน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวน สอบปากคำกลุ่มผู้ร้องทุกข์ พร้อมเสนอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ปิดกั้น 49 ยูอาร์แอล ที่การนำเนื้อหาไม่เหมาะสมดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อ
โดยจากนี้ จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบความผิด ก่อนแจ้งข้อหา บริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ราย ซึ่งบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิด อาจรวมถึงผู้ที่มีอำนาจพิจารณาตัดสินใจ ในการนำโฆษณาดังกล่าวออกเผยแพร่ด้วย พร้อมย้ำว่า ตำรวจไม่ได้ตั้งธงเอาผิด แต่จะพิจารณาจากพยานหลักฐานเป็นหลัก
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีคำสั่งห้ามข้าราชการตำรวจกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ สั่งของหรือห้ามบริษัทลาซาด้าฯ เข้าพื้นที่ แต่เชื่อว่า ข้าราชการตำรวจทุกคน สามารถพิจารณาได้ว่า การล้อเลียนความเจ็บป่วย หรือความบกพร่องของผู้อื่น เหมาะสมหรือไม่ และควรตอบสนองอย่างไร ซึ่งแม้หลังเกิดเหตุ บริษัทเอเจนซี่โฆษณา จะออกแถลงการณ์ และนำเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกจากแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า แต่การกระทำที่เสี่ยงต่อความมั่นคงเกิดขึ้นแล้ว ตำรวจในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จึงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ ผู้ผลิตสื่อโฆษณา ย้อนกลับไปดูสิทธิหน้าที่ของตัวเอง อย่าละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยใช้กรณีนี้เป็นบทเรียน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของประชาชน และย่อมถูกกดดันด้วยมาตรการทางสังคม












