ทนายรณณรงค์ ยื่นดีเอสไอ รับคดี ‘เมาท์เท่น บี’ ผับ เป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (8 ส.ค. 65) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ยื่นหนังสือถึง นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีพันตำรยจตรีวรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน กรณีเหตุเพลิงไหม้ผับเมาเท่นต์บี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ภายใต้เหตุผล 3 ประการคือ
1.สถานบันเทิงที่เปิดโดยไม่มีมาตรการความปลอดภัย และจดแจ้งผิดประเภท อีกทั้งเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด และเปิดให้เยาวชนที่อายุไม่ถึงเกณฑ์เข้าใช้บริการ จึงไม่น่าเชื่อว่า ตำรวจในท้องที่และเจ้าหน้าที่มหาดไทยจะไม่ทราบเรื่องนี้ แต่การกระทำผิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ น่าเชื่อว่า จะมีการให้ทรัพย์สินหรือให้ผลประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อจูงใจให้กระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และเมื่อมีการเสนอผลประโยชน์แก่ท้องที่ และมีเหตุที่ร้ายแรงเกิดขึ้นเช่นนี้ การจะให้ท้องที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เกรงว่าจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง และอาจทำให้ผู้เสียหาย ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างเต็มที่
2.การเปิดร้านผับ บาร์ สถานบันเทิง ที่กระทำการผิดต่อบทกฎหมายหลายข้อ และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเช่นนี้ โดยทั่วไปมักจะมีหุ้นส่วนเป็นทหาร ตำรวจ หรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ขณะที่เจ้าของร้านซึ่งถูกจับกุม อายุเพียงแค่ 27 ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเจ้าของร้านแต่เพียงผู้เดียว จำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและสืบหาหุ้นส่วนร้านรายอื่น ซึ่งอาจเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ อยู่เบื้องหลัง หากปล่อยให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการ คาดว่าคดีคงตัดจบเพียงที่นายพงศ์ศิริ หรือ “เสี่ยบี” เป็นจำเลยแต่เพียงผู้เดียว
3.คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างร้ายแรง มีผู้เสียหายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศ เป็นคดีที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยต่อการทำงานของตำรวจท้องที่ ว่า การเร่งรัดตัดจบคดีนั้นเพื่อปกปิดบุคคลที่อยู่เบื้องและปกปิดความผิดอื่นๆ หรือไม่ ทั้งการเรียกรับส่วยหรือผลประโยชน์อื่นหรือการปล่อยปละละเลยให้มีการตั้งสถานบันเทิงที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่
นายรณรงค์ เปิดเผยว่า การดำเนินคดีนี้ ทั้งกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องร่วมกันตรวจสอบทำคดีให้มีความชัดเจน เอาผิดถึงนายทุนเจ้าของผับเม้าต์เท่นบีตัวจริง ไม่ใช่ตัวละครแทน นอกจากนี้ ตนยังกังวลว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างไม่เป็นธรรม เช่นเดียวกับกรณีของซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 ที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอะไร ซึ่งหากไม่มีการแก้กฎหมาย ก็อาจทำให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต