CRIME

ตำรวจไซเบอร์ ร่วมมือ เอไอเอส แถลงผลจับกุมแก็งคอลเซ็นเตอร์ เสียหายกว่า 20 ล้านบาท

วันนี้ (5 ต.ค. 65) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. , พลต.ต.ชัชปัณฑการท์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมด้วยนายวรุณเทพ วัชราพรณ์ หัวหน้าฝ่ายธุรการสัมพันธ์ของเอไอเอส แถลงจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ยึดเครื่อง Sim Pool 240 เครื่อง และ Router WiFi 100 เครื่อง

พลต.ต.ชัชปัณฑการท์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สืบสวนจนกระทั่งสืบทราบว่ามีการใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ที่บ้านเลขที่ 4/15 ม.8 ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ซึ่งเป็นห้องเช่าชั้นเดียวและพบสัญญาณที่ บ้านพักเรือนไทย เลขที่ 75/2 หมู่ 6 ซอยศูนย์ราชการ 5 ถนนเลียบทางรถไฟ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นห้องพักให้เช่ารายเดือน จึงขออนุมัติหมายนศาลจังหวัดชุมพร เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว จากผลการตรวจค้น พบนายสุจินดา(สงวนนามสกุล) และน.ส.วิภาวณี(สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน แสดงตัวเป็นผู้เช่าห้องพัก และเป็นผู้นำตรวจคัน รวมทั้งหมด 11 จุด ผลการตรวจคัน เบื้องต้นพบ GSM Gateways (Simbox) เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ชิมการ์ด ระบU IP-PBX จำนวน 38 เครื่อง, router wifi ชนิดใส่ซิมการ์ดได้ 19 เครื่อง จึงได้เชิญตัว ผู้ครอบครองของกลางดังกล่าวทั้ง 2 ราย มาที่ สภ.เมืองชุมพร

“สำหรับการทำงานของเครื่อง GSM Gateways (Simbox) แก็งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในกาโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายนทอร์เน็ตแล้วแปลงสัญญาณเป็นสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งเพื่อโทรออกเพื่อหลอกลวงหรือข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้จำนวน 38 เครื่อง มีความสามารถโทรหลอกผู้เสียหายได้มากถึงวันละ 608,000 ครั้ง หรือกว่า 18.2 ล้านครั้งต่อเดือน โดยมูลค่าความเสียหายครั้งนี้อยู่ที่ 20 ล้านบาท”

นายวรุณเทพ ระบุว่า เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกลวง จึงเร่งดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายในครั้งนี้จากการทำงานร่วมกันของทางภาครัฐและเอกชนอย่างไร้รอยต่อ พร้อมสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน เช่น โครงการสายด่วนของเอไอเอส ที่เตรียมไว้เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายโทรมาแจ้งข้อมูล จากนั้นจะดำเนินการตรวจสอบถึงที่มาของเบอร์โทรศัพท์ รายละเอียด การจดแจ้งการโทร และแจ้งกลับไปที่ลูกค้าภายใน 72 ชั่วโมง รวมไปถึงการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ใข้กฎหมายดำเนินการจับกุมปราบปรามให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

“การแก้ปัญหาต่อจากนี้คือการให้ลงทะเบียนหมายเลขประชาชน 1 หมายเลข สามารถลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ได้เพียง 5 หมายเลยเท่านั้น เพื่อลดการซื้อซิมจำนวนมากมากนะทำความผิดในลักษณะนี้”

พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า เราได้แจ้งข้อหาจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ทำงานประสานงานอยู่ในประเทศไทยตามความผิด ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ อยากฝากไปถึงผู้ที่กระทำความผิดการว่าได้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อยแต่ทำให้ประชาชนถูกหลอก และครอบครองสิ่งของพวกนี้ถือว่าผิดกฎหมาย

“ฝากประชาชนว่าแก็งค์คอลเซ็นเตอร์มีหลากหลายรูปแบบ หากมีเบอร์แปลกโทรมาก็ให้ระวังตัว ถ้าเราไม่เคยทำธุรกรรมนั้น ให้ลองโทรย้อนกลับไปใหม่ หากไม่สามารถติดต่อกลับได้ก็เป็นสิ่งที่สังเกตได้ว่าเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์“

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ทางสอท. จะทำการสืบสวนหาต้นตอทั้งผู้ที่กระทำความผิดที่อยู่ทั้งภายใน และนอกประเทศ ตำรวจไซเบอร์จะตามไปหาท่านถึงที่ จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลอย่างแน่นอน ทางเราได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งเครือข่ายมือถือ ธนาคาร รวมไปถึงมีหลายช่องทางที่จะนำไปสู่การจับกุมและขยายผลได้ ทางตำรวจไซเบอร์จะทำเต็มความสามารถ

Related Posts

Send this to a friend