รองอธิบดี DSI เผย มีอดีตผู้บริหาร สตง. – ข้าราชการ ถูกกล่าวหาคดีฮั้วประมูล ตึก สตง.มากกว่า 70 คน

รองอธิบดี DSI เผย มีอดีตผู้บริหาร สตง. – ข้าราชการ ถูกกล่าวหา เอี่ยวคดีฮั้วประมูล โครงการสร้างตึก สตง.มากกว่า 70 คน ขณะที่บริษัทเอกชนโดนอีก 6 คน
วันนี้ (4 มิ.ย. 68) เวลา 10:30 น. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในฐานะหัวหน้าชุดคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ตามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฮั้วประมูล) ก่อนพิจารณาส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ร.ต.อ.สุรวุฒิ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้สอบสวนพิจารณา และได้ประชุมร่วมกันไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา แม้ส่วนตัวจะมีความเห็นว่า จะต้องสอบสวนต่อไปก่อนอีกซักระยะหนึ่ง เพื่อให้ได้ซึ่งพยานหลักฐาน แต่ในที่ประชุมทุกคนเห็นพ้องตรงกัน และมีความเห็นนำเสนอเรื่องถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า เนื่องจากคดีดังกล่าว มีการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จึงจะส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวนข้อเท็จจริง ตามที่ได้มีผู้ร้องหรือมีผู้กล่าวโทษเข้ามา
เบื้องต้น มีพยาน 2 คน โดยเป็นคนที่ให้การว่าเขารู้เห็นในเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันข้อเท็จจริงตามหนังสือทั้งหมด ทั้งเรื่องการทุจริต, การล็อคสเปค และการดำเนินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญา ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ ฮั้วประมูล ม.10 ม.11 ม.12 และ ม.157 ตามประมวลกฎหมายอาญา
จากข้อมูลเบื้องต้น เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวโทษ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ผู้บริหารขององค์กรอิสระ ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อว่ามีใครบ้าง แต่เยอะพอสมควร 2. คณะกรรมการที่เกี่ยวกับการออกแบบ 3 คณะ, การก่อสร้าง 3 คณะ และการควบคุมงาน 4 คณะ รวม 10 คณะ และ 3. คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารภาครัฐ 1 คณะ รวม 15 ท่าน ทำให้เจ้าพนักงานของรัฐที่ถูกกล่าวหาอยู่ที่ 70 กว่าคน ซึ่งเราจะเร่งสรุปสำนวนให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช.ภายสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในรายชื่อที่มีการกล่าวโทษ มีชื่อของ ผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบันด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เป็นชุดอดีต แต่จะมีชื่อผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบันหรือไม่ ต้องรอให้ทาง ป.ป.ช. ไต่สวนก่อน รายละเอียดอยู่ในสำนวน เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน
ส่วนที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ที่ถูกกล่าวโทษได้เข้ามาชี้แจงแล้วหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุว่า เรามีหนังสือชี้แจงไป เรื่องของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาให้การ โดยเฉพาะในเรื่องรายละเอียดของการดำเนินการ รวมไปถึงกระบวนต่างๆ ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง
นอกจากนี้ รองอธิบดีดีเอสไอ ยังอธิบายพฤติการณ์ และหลักฐานที่พบในคดีนี้ คือ การดำเนินการควบคุมงานของบริษัท PKW ซึ่งในรายละเอียดตามหลักการคัดเลือกบริษัทแล้ว จะมีการพิจารณาอยู่ 3 หมวด รวม 100 คะแนน ได้แก่ วิธีการดำเนินการ 50 คะแนน, บุคลากร 40 คะแนน และประสบการณ์ 10 คะแนน แต่ปรากฎว่าในส่วนของบุคลากร พบมีการปลอมลายมือชื่อ และเอาชื่อบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการในเรื่องของใบเสนอราคาในการคัดเลือก รวมไปถึงพบการปลอมเอกสารที่ทำให้คะแนนตัวเองโดดเด่น ถือว่าเป็นความผิด จึงมีการกล่าวหาดำเนินคดีกับบริษัท PKW รวมแล้ว 6 คน
ส่วนกรณีที่มีผู้กล่าวหา คือ ในเรื่องการจ้างช่วง แต่ทาง สตง. ยืนยันว่า บริษัท บริษัท 9PK ไม่ได้เป็นการจ้างช่วง และไม่มีรายชื่อ ทั้งหมดเป็นข้อมูลเอกสารประกอบให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง
เช่นเดียวกับกลุ่มที่ 3 คือ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารภาครัฐนั้น รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ในเรื่องของการควบคุมงาน ส่วนนี้พบความผิดปกติในการคัดเลือกบริษัทควบคุมงานและวิธีการคัดเลือก ซึ่งปกติแล้วตามกฏหมายจะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ทาง สตง. เชิญไปทั้งหมด 19 ราย และใน 19 รายนี้ ปรากฎว่าไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญ แต่กลับพบว่าความผิดปกติของ 2 บริษัทที่เข้ามาร่วมกันภายหลัง และไม่ได้อยู่ในข้อเสนอ คือ บริษัท ว.และสหายฯ และบริษัท PKW โดยทางผู้ดำเนินการได้ทำเรื่องขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมายตาม ม.29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ทำให้มีการกล่าวหาว่า การยกเว้นเรื่องนี้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ 2 บริษัทนี้หรือไม่ โดยจากหลักฐานเราพบว่า มีการยกเว้นจริง แต่เรื่องการดำเนินการหรือเรื่องเอื้อประโยชน์หรือไม่ เป็นเรื่องต้องไต่สวนของทาง ป.ป.ช. ไม่สามารถตอบได้ เพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้เชิญกรมโยธาฯ เข้ามาดำเนินการในเรื่องของการคัดเอกสารในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 เรามีเอกสารทั้งหมด 121 ลัง ซึ่งเราจะพยามคัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องในประเด็นตามคำกล่าวหาส่งไป แต่ส่วนในส่วนไหนที่ไม่เกี่ยว จะส่งคืนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมไปถึงหลักฐานบางอย่างที่จะต้องรอผล เช่น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็จะส่งไปในภายหลังด้วย
ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัว บินลิง วู นักธุรกิจชาวจีน ที่พบข้อมูลว่าเป็นนายทุนให้ บริษัท ไชน่า เรียลเวย์ No.10 ร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิระบุว่าการติดตามตัวเป็นกระบวนการในการสืบค้น ซึ่งการประชุมวันนี้มีความกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการติดตามตัวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ยังติดเรื่องสำนวนคดีและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการหมายจับ รวมถึงการติดตามตัว
ส่วนกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในคดีนอมินีจะมีล็อต 2 หรือไม่ ยืนยันว่ามี เบื้องต้นได้แยกสำนวนคดีไว้แล้วและพบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัทที่ถูกกล่าวหาในล็อตแรก ซึ่งขณะนี้ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้วแต่ยังไม่ได้ตั้งเลขคดี โดยพบว่ามีบริษัทที่เกี่ยวข้อง 16 บริษัท ในจำนวนนี้มี 4 บริษัท ที่เป็นบริษัทหลัก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม