CRIME

ทอท. แจงเหตุชายคลุ้มคลั่ง บุกลานจอดเครื่องบินสุวรรณภูมิ

วันนี้ (4 พ.ค.65) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีชายบุกรุกเข้าพื้นที่หวงห้ามเขตการบิน เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ทสภ. ได้ติดตามตัวผู้บุกรุก ผ่านกล้องวงจรปิดตลอดเหตุการณ์ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับกุม แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังเข้าควบคุม โดยสามารถจับกุมผู้บุกรุกได้ในเวลา 12.03 น. พร้อมยึดของกลางเป็นปืนอัดลมสั้น 1 กระบอก , ขวานเหล็กประดิษฐ์ 1 ด้าม และกรรไกร 1 เล่ม พร้อมยาบ้า 1 เม็ด ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า การสกัดกั้นโดยรถยนต์ไปจนถึงกำลังคน เป็นแผนตามขั้นตอน โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ได้พูดคุยกับศูนย์สั่งการตลอด เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าชาร์จผู้ก่อเหตุ เพื่อไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าไปภายในอาคารผู้โดยสารได้ โดยการปฏิบัติการทั้งหมด คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร และความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ทุกนาย ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ และได้รายงานให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม รับทราบทันทีที่เกิดเหตุ

“เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยว แต่มีผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากนี้จะต้องมีการประชุมเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น อาจจะปรับเปลี่ยนนำอาวุธปืนไฟฟ้าชนิดพิเศษเข้ามาให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำการ ในกรณีฉุกเฉิน เหมือนในต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ” นายกิตติพงศ์ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ กล่าวว่า ผู้ต้องหามีอาชีพเป็นช่างยนต์ทำสายพานของบริษัทแห่งหนึ่ง ในวันเกิดเหตุ ได้เดินทางกลับที่พักย่านบางพลี จากนั้นได้เสพยาเสพติด (ยาบ้า) จนเกิดภาพหลอน ขับวนเวียนอยู่แถวสุวรรณภูมิ ก่อนเข้ามายังด่านตรวจ และก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เบื้องต้นได้แจ้ง 7 ข้อหา คือ 1.ใช้อาวุธกระทําการเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน 2.บุกรุก 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร 5.มียาเสพติดให้โทษ 6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และ 7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว

หลังควบคุมตัวได้วานนี้ ผู้ต้องหาพูดจาไม่รู้เรื่อง เมื่อคืนนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาสารเสพติดในตัวผู้ต้องหา พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จนเช้านี้เริ่มมีสติโต้ตอบ เบื้องต้น พบว่าพักอาศัยอยู่ในบางพลี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยช่วงปี 2557 เคยโดนจับในคดียาเสพติดมาแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อดำเนินตามขั้นตอนกฎหมาย

Related Posts

Send this to a friend