CRIME

ทลายเว็บพนันเครือข่ายจีนเทา หลอกคนไทยเปิดบัญชีม้า อ้างทำธุรกิจถ่ายภาพดิจิทัล

‘ตำรวจไซเบอร์’ ทลายเว็บพนันเครือข่ายจีนเทา เผย พบพฤติการณ์หลอกคนไทยเปิดบัญชีม้า อ้างทำธุรกิจถ่ายภาพดิจิทัล

วันนี้ (4 ก.พ. 68) ที่ซอยลาดพร้าว 88 เอกมัย ถ.รามอินทรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รรท.ผบก.สอท.3 และ พ.ต.ท.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง ผกก.บก.สอท.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าทำการตรวจค้นทลายฐานเว็บพนันชาวไต้หวันรายใหญ่กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนวันละกว่า 1 ล้าน รวบชาวไต้หวันพร้อมแอดมินกว่า 20 ราย จับกุมผู้ต้องหา 5 ราย

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีเยาวชนเข้ามาร้องเรียนกับทางตำรวจไซเบอร์ ว่าพบลิงค์เว็บพนันแฝงอยู่ในเว็บการ์ตูน โดยเว็บดังกล่าวมีการแปะลิงค์ไว้ให้เพื่อเข้าเล่นการพนัน ออนไลน์ สล็อต ยิงปลา กาสิโน กีฬา โป๊กเกอร์ และเกมต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงทำการสืบสวนสอบสวน จนพบผู้กระทำผิดหลายราย และได้สืบสวนขยายผลตรวจสอบข้อมูลทางการเงินเบื้องต้น พบขบวนการดังกล่าวมีการเปิดเว็บไซต์ไม่ถึงปี แต่มียอดเงินหมุนเวียนวันละ 1 ล้านบาท

นอกจากนี้เว็บไซต์ดังกล่าวยังมีชาวไต้หวันรายหนึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยใช้วิธีการเขียนโปรแกรมหน้าเว็บไซต์แสดงเป็นเว็บไซต์รับซื้อขายภาพ NFT แต่เมื่อคลิกเข้าไปกลับพบข้อมูลหลังบ้านเป็นเว็บไซต์พนันออนไลน์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งขบวนการได้ จำนวน 14 ราย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ผู้รับผลประโยชน์ลงมาจนถึงบัญชีม้า และได้ขออำนาจศาลออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้จำนวน 4 จุด กระทั่งในวันที่ 4 ก.พ. ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการตรวจค้นและสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ ทั้งหมด 5 ราย เป็นชาวไต้หวัน 3 ราย ชาวไทยอีก 1 ราย และ ชาวเมียนมา 1 ราย ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ และความผิดตาม พ.ร.บ. ฟอกเงิน

โดยจับได้ที่จุดที่ 1 บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ซอยลาดพร้าว 88 เอกมัย ถ.รามอินทรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. ซึ่งเป็นที่ตั้งของออฟฟิศ ได้เป็นชาวไต้หวันจำนวน 2 ราย ระดับรองบอส พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 33 เครื่อง และบัญชีธนาคารทั้งไทยและต่างประเทศ

จุดที่ 2 บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรู ในซอยลาดพร้าว 112 เอกมัย แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. จับกุมนาย นายธนกิจ อายุ 22 ปี พร้อมตรวจยึดรถยนต์ Benz, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, seed phrase และบัญชีธนาคารของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

จุดที่ 3 ห้องพักชั้น 3 ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 13 ถ.ประชาอุทิศ แขวงสามเสนนอก�เขตห้วยขวาง กทม. ตรวจยึดซิมการ์ดโทรศัพท์ผู้ให้บริการของประเทศลาวและไทยกว่า 20 ซิมพร้อมธนบัตรเงินสกุลลาว เวียดนาม และไทย

จุดที่ 4 ห้องพักชั้น 4 ในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา-ห้วยขวาง แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. จับกุม MR.HSU YAO-YI สัญชาติไต้หวัน อายุ 51 ปี พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ บัญชีธนาคาร บัตร ATM และหลักฐานสำคัญอื่นๆ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธโดยยืนยันว่าไม่มีการทำธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนัน เพียงแค่ทำธุรกิจซื้อขายภาพถ่าย NFT ผ่านระบบดิจิตอลเท่านั้น ซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้เป็นระดับตัวการใหญ่ มีหน้าที่ดูแลกิจการ และดูแลเหยื่อที่หลอกมาเปิดบัญชี ส่วนตัวเจ้าของเว็บพนันขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ส่วนจะมีเว็บอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ทั้งนี้ จะมีการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทราบ ว่ากรณีที่มีการเชิญชวนมาทำงานแล้วมีลักษณะให้ไปเปิดบัญชีเพื่อใช้บัญชีตนเองในการทำธุรกรรมทางการเงินให้ตั้งข้อสังเกตว่ามีความผิดปกติไม่ใช่วิสัยของบริษัทปกติแน่นอน เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อให้กับกลุ่มผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว

เมื่อถามว่ามีหลายครั้งแล้วที่ ย่านรัชดา ห้วยขวางนั้นมีการจับกุมไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เว็บพนันออนไลน์ อาจจะเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ตอบยากว่าจะเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ เพราะนักท่องเที่ยวมาพักอยู่แถวรัชดาห้วยขวาง ตั้งใจมาเที่ยวประเทศไทยก็มี แต่กลุ่มเหล่านี้ก็แฝงตัวเข้ามาในประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว มาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย แต่สิ่งที่ทำได้จะต้องเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้การกระทำความผิดและจะปราบปรามอย่างเด็ดขาดพร้อมขยายผลไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนกลายเป็นปัญหาในการเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทยมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า เรื่องนี้มันเหมือนการเปิดประตูหน้าต่างบ้านเพื่อรับประกาศบริสุทธิ์ ซึ่งประเทศไทยธุรกิจหลักคือการท่องเที่ยวเมื่อเราเปิดรับนักท่องเที่ยว ก็ต้องยอมรับว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งดีและไม่ดีแต่นักท่องเที่ยวที่ดีมีมากกว่า 90% ซึ่งหากพบว่ามีนักท่องเที่ยวที่ไม่ดีที่เปรียบเสมือนยุงแมลงวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำหน้าที่เป็นมุ้งลวดเป็นตะแกรงถ้าเจอยุงแมลงวันก็ต้องปราบปราม

Related Posts

Send this to a friend