CRIME

รอง ผบ.ตร. ประชุมคดีตู้ห่าวเร่งส่งอัยการ

พร้อมออกหมายเรียกเพิ่ม 3 คน คาดมีอดีตตำรวจระดับสารวัตรเอี่ยว

วันนี้ (2 ธ.ค. 65) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และสำนักงานป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ตัวแทนเจ้าพนักงานอัยการ พนักงานสืบสวนสอบสวน ร่วมประชุมเพื่อเร่งสรุปสำนวนคดีธุรกิจทุนจีนสีเทาส่งอัยการ พร้อมเร่งติดตามตัวเครือข่ายของนายตู้ห่าว ที่ออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 3 คน โดยพบว่ามีอดีตตำรวจระดับสารวัตร เชื่อมโยงในบริษัทที่นายตู้ห่าวเป็นประธาน หลังจากที่รับผิดชอบการสอบสวนคดี การลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า “วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจค้นได้จากหลายจุด มาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำ และไล่เส้นทางการเงิน/เส้นทางการใช้โทรศัพท์ ว่าเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคล ที่ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกหรือไม่

ส่วนทรัพย์สินที่ยึดได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส.ใช้อำนาจดำเนินคดีฐานสมคบ และบังคับใช้กฏหมายการฟอกเงิน ดังนั้นคาดว่าจะเร่งสรุปสำนวนคดี เพื่อส่งให้พนักงานอัยการได้ในเร็ววันนี้

ขณะที่ในกลุ่มของผู้ต้องหาที่ถูกจับได้จำนวน 102 คน แบ่งเป็นการดำเนินคดี ได้ 3 กลุ่มคือ ความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด เฮโรอีน และยาบ้า / ความผิดฐาน นอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน

ส่วนความผิดของนายโทนี่ ตำรวจดำเนินคดี ฐานความผิดเป็นนอมินี ให้คนอื่นถือครองทรัพย์สินแทน ส่วนความผิดอื่นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

ส่วนการขยายผลความเชื่อมโยง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ตำรวจออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คนคือ พัชรินทร์ ที่ยังหลบหนีในประเทศไทย รวมถึง สุชาดา และอดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คน ตำรวจมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าว เป็นประธาน ดังนั้นหากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้ เชื่อว่าจะพบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกจำนวนมาก เนื่องจากตำรวจ ตั้งข้อสังเกตว่าเงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าว มีเพียงแค่หลักแสนบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้ จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่ 100,000 บาท

ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานที่เก็บได้จากเครื่องบิน ในอำเภอบ่อฝ้ายจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเกี่ยวกับยาเสพติด DNA และรอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากขณะตรวจค้นสุนัข ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดมสารเสพติด มีพฤติกรรมที่แสดงออกชัดเจน

นอกจากนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำกัปตัน ที่มีชื่อเป็นผู้ขับเครื่องบินดังกล่าวแล้ว โดยกัปตันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปิดเผยข้อมูลของบุคคลที่ใช้เครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามที่มีเอกสารหลักฐานยืนยันไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของรายละเอียดว่า มีการใช้สารเสพติดบนเครื่องบินหรือไม่กัปตันไม่ได้ยืนยันในส่วนนี้

Related Posts

Send this to a friend