SPORT

เครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือร้องเรียนผู้ว่า กกท.ให้เปิดเผย MOU ลิขสิทธิ์บอลโลก

วันนี้ (30 พ.ย. 65) นายศรรัก มาลัยทอง ตัวแทนเครือข่ายประชาชน ภายใต้ชื่อกลุ่ม “คนรักฟุตบอลโลก” จำนวน 20 คน เดินทางไปยื่นหนังสือถึง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อร้องขอให้เปิดเผยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สำนักงาน กสทช. กับ กกท.เกี่ยวกับรายละเอียดของสัญญาที่ กกท.ได้ทำกับ FIFA รวมถึงสัญญาที่ กกท.มอบสิทธิ์ให้เอกชนรายหนึ่งต่อสาธารณะ เพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงรายละเอียด ในประเด็นที่กำลังเป็นกระแสสังคมอยู่ในขณะนี้

นายศรรัก กล่าวว่า “ กกท.กับ สำนักงาน กสทช.ต่างเป็นหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่บริหารจัดการ การถ่ายทอดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 ให้ประชาชนได้รับชมอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ผ่านทุกแพลตฟอร์ม โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ตามเจตนารมณ์ที่ภาครัฐ ได้ระบุไว้ถึงเหตุผลในการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์กับ FIFA ในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นการที่ กกท. ยินยอมให้กลุ่มทรู ได้สิทธิถ่ายทอดสดจำนวน 32 นัด จากทั้งหมด 64 นัด ถือเป็นการมอบ “สิทธิ” พิเศษเหนือกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ อีกทั้งถือเป็นการเอื้อประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด ทำให้ประชาชนคนไทยนับล้านคน ได้รับความเสียหาย จากการที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จึงถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ”

ดังนั้นกลุ่มเครือข่ายฯ จึงขอให้ กกท.พิจารณาและชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยเร่งด่วน ดังนี้

1.ขอให้ กกท.ชี้แจงรายละเอียดข้อตกลง MOU ระหว่าง สำนักงาน กสทช. กับ กกท. เกี่ยวกับรายละเอียดของสัญญาที่ กกท.ได้ทำสัญญากับ FIFA รวมถึงสัญญาอื่นใดที่ กกท.ทำสัญญามอบสิทธิให้เอกชนรายอื่นทั้งหมดต่อสาธารณะ เพื่อความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่

2.การที่สำนักงาน กสทช.ได้ลงนาม MOU กับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ “กกท.” โดยสนับสนุนงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท เพื่อให้ กกท.นำงบประมาณดังกล่าว ไปซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA World Cup Final 2022) ตามที่ กกท.ร้องขอ ย่อมถือได้ว่าลิขสิทธิ์รายการนี้ยังคงเป็นของรัฐ ซึ่งกกท.ไม่สามารถนำสิทธิ์ไปมอบให้เอกชนรายใดรายหนึ่ง ดำเนินการบริหารจัดการที่เอื้อประโยชน์ของตนต่อได้ เพราะนอกจากจะส่อเจตนา ในเชิงผลประโยชน์ต่อเอกชนรายดังกล่าวแล้ว ยังถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป Must Carry ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอีกด้วย

3.การใช้งบประมาณสนับสนุน การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ เป็นงบประมาณของภาครัฐที่มีมูลค่าสูง ดังนั้น กกท.ไม่ควรเอื้อให้เอกชนรายใดรายหนึ่ง นำสิทธิไปทำธุรกิจเพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชน ที่ต้องสามารถรับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของ สำนักงาน กสทช.ที่กำหนดไว้

4.การที่กลุ่มบริษัททรู ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้ใบอนุญาตฯ ได้อ้างสิทธิ์ของรายการนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืนประกาศ กสทช.และใช้อำนาจศาลในการปิดกั้น การเข้าถึงการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก ถือเป็นการจงใจละเมิดการปฏิบัติ ตามเงื่อนไขใบอนุญาตและประกาศ กสทช. หรือไม่

5.การที่กลุ่มบริษัททรู ได้สิทธิ์เลือกถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกเฉพาะคู่สำคัญ ถือเป็นการดำเนินการผิดกระบวนการ โดยใช้สิทธิเหนืออำนาจรัฐ

6.ขอให้ กกท.พิจารณาแนวทางการเยียวยาประชาชน ผู้ที่ต้องการรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 แต่ไม่สามารถรับชมได้ จากผลกระทบของการทำสัญญา MOU ระหว่าง กสทช.กับ กกท. และการดำเนินการโดยมิชอบของ กกท.ที่ได้ดำเนินการทำสัญญากับเอกชน โดยไม่ผ่านระเบียบกระบวนการทางราชการ

7.ขอให้ กกท.ในฐานะผู้ถือสิทธิรายการนี้ กำหนดให้ผู้ที่ได้รับอนุญาต ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ภายใต้การกำกับของ กสทช.ทุกประเภท สามารถนำรายการการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 ให้ประชาชนสามารถรับชมได้ทุกคู่การแข่งขันได้ฟรี อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

Related Posts

Send this to a friend