BUSINESS

สวีท มีท ส่งแบรนด์น้ำมันพืช ‘เพลิน’ ชูจุดเด่นน้ำมันสดใหม่ จากโรงกลั่นสู่ขวดไม่เกิน 12 ชั่วโมง

นายเอกภัท เตมียเวส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ เตมียเวส กรุ๊ป และประธานกรรมการ บริษัท สวีท มีท (ประเทศไทย) จำกัด ส่ง เพลิน แบรนด์น้ำมันพืชน้องใหม่ ชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันบริโภค 30,000 ล้านบาท ชูจุดเด่นความสดใหม่ จากโรงกลั่นถึงบรรจุขวดไม่เกิน 12 ชั่วโมง ใช้เทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรม การปรับปรุงคุณภาพน้ำมันที่ได้มาใหม่จากยุโรปื พร้อมเผยยอดขายปี 65 ทะลุเป้า 1,200 ล้านบาท คาดปีหน้าโตก้าวกระโดดถึง 3,000 ล้านบาท จากปัจจัยหนุนทั้งใน-ต่างประเทศ

นายเอกภัท กล่าวว่า “สำหรับในประเทศไทย ตลาดน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำมันปาล์ม 70% และน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ 30% ด้วยเหตุนี้ สวีท มีทฯ ซี่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันพืช เพื่อการบริโภคจึงได้เปิดตัวแบรนด์น้ำมันพืชน้องใหม่ “น้ำมันพืชเพลิน” อย่างเป็นทางการ พร้อมลงชิงแชร์ตลาดเต็มตัว ในทุกกลุ่มของน้ำมันเพื่อการบริโภค เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันปาล์ม และถั่วเหลือง โดยน้ำมันพืชเพลิน มีน้ำมันปาล์มเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ในการจำหน่ายในตลาดประเทศไทย โดยจุดเด่นของน้ำมันพืชเพลิน อยู่ที่ความสดใหม่ ระยะเวลาจากโรงกลั่นจนถึงกระบรรจุสู่ขวดใช้เวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง รวมถึงมีกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation) การปรับปรุงคุณภาพน้ำมันใหม่จากยุโรป โดยเป็นกระบวนการธรรมชาติ ทำให้ได้น้ำมันมีคุณภาพที่ดีขึ้น ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถือเป็นแต้มต่อและเป็นจุดแข็งของน้ำมันพืชเพลิน ในการรุกตลาดในครั้งนี้

เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นอีกมากในปี 66 ที่ผ่านมา สวีท มีท (ประเทศไทย) เริ่มเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชเพลิน ครั้งแรกในปี 2561 มียอดจำหน่าย 44 ล้านบาท ปี 2562 ยอดจำหน่าย 46 ล้านบาท กระโดดขึ้นเป็น 200 ล้านบาทในปี 2563 และ 750 ล้านบาท ในปี 2564 โดยคาดว่าในปี 2565 นี้ จะมียอดจำหน่ายสูงถึง 1,200 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแนวโน้มและทิศทางการเติบโตของเพลิน ในปี 2566 นั้น วางเป้าหมายไว้ว่าจะยังคงรักษาระดับการเติบโตไว้ให้ได้อยู่ในระดับสูงเกินกว่า 30% หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนในการส่งออกไปยังต่างประเทศเป็น 40% และในประเทศ 60% ซึ่งได้ดำเนินการเปิดตลาดในประเทศใหม่ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง (Diversify) จากการผันผวนของตลาด และต้นทุนของน้ำมันพืชแต่ละประเภท

Related Posts

Send this to a friend