PUBLIC HEALTH

ฝุ่น PM 2.5 สะสมในสมอง เสี่ยงความจำเสื่อม-เด็กเล็กพัฒนาการช้า

วันนี้ (9 ม.ค. 67) นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขในไทย ด้วยขนาดที่เล็กทำให้ฝุ่น PM 2.5 สามารถเดินทางเข้าไปสะสมในสมองได้ผ่าน 3 ช่องทางเป็นอย่างน้อย คือ

1.ผ่านผนังโพรงจมูกส่วนติดต่อสมองรับกลิ่น โดยจะซึมผ่านขึ้นไปที่สมองส่วนหน้าด้านล่าง

2.ผ่านเข้าไปในปอด เข้าไปถึงหลอดลม แล้วซึมเข้าสู่กระแสเลือดที่ไหลเวียนไปยังสมอง

3.ผ่านเข้าสู่ทางเดินอาหาร โดยการกลืนลมที่มีฝุ่น PM 2.5 ปะปนในระหว่างการพูดคุยแล้วดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด หรือไปเปลี่ยนจุลชีพและสภาวะแวดล้อมในทางเดินอาหารก่อนจะไหลเวียนไปที่สมองต่อไป

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า การศึกษาพบว่ามีการสะสมของอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ในสมองจริง โดยเฉพาะในสมองส่วนหน้า ซึ่งผ่านมาจากผนังโพรงจมูกส่วนติดต่อสมองรับกลิ่น ซึมผ่านขึ้นไปที่สมองส่วนหน้าด้านล่าง เพราะตรวจพบอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ในสมองส่วนหน้าคล้าย ๆ กลุ่มโรคที่เกิดขึ้นในสมองโดยทั่วไป ในเด็กเล็กที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโต จะพบว่าพัฒนาการของสมองช้ากว่าเด็กที่ไม่ได้รับ

นอกจากนี้ ในสมองส่วนลึก พบว่ามีโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันระบบประสาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แปรผันตรงกับช่วงเวลาที่มีการเพิ่มขึ้นของฝุ่น PM 2.5 อธิบายได้ว่า ฝุ่น PM 2.5 มีผลกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบในระบบประสาทส่วนกลาง และหากผลกระทบนี้ลุกลามไปยังสมองที่ทำหน้าที่อื่น จะส่งผลให้การทำงานของสมองในตำแหน่งนั้นผิดปกติไป เช่น ความจำเสื่อม

ดังนั้น จึงให้ระมัดระวังป้องกันตนเอง หากพบว่ามีฝุ่นในปริมาณสูง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นควัน นอกจากนั้น ควรลดการเผา ลดการใช้รถยนต์ที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และตอบสนองนโยบายของรัฐในการจัดการควบคุมปัญหาฝุ่นควัน เพื่อสุขภาพของตัวเราและส่วนรวม

Related Posts

Send this to a friend