สบส. เตือน คนไทย ‘ติดรสจัด’ กินหวาน มัน เค็ม เสี่ยง NCDs
สบส. เตือน คนไทย ‘ติดรสจัด’ กินหวาน มัน เค็ม เสี่ยงเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หนุนนโยบายนับคาร์บ-กลไก อสม. ปรับพฤติกรรมการบริโภค
วันนี้ (3 มิ.ย. 68) ดร.นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. เปิดเผยว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมของคนไทยกำลังเป็นภัยคุกคามสุขภาพ ก่อให้เกิดแนวโน้มการเจ็บป่วยด้วย NCDs ทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
กรม สบส. จึงเฝ้าระวังสำรวจพฤติกรรมสุขภาพการกินหวาน มัน เค็ม ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมระดับพื้นที่ผ่านระบบออนไลน์ 52,717 คน พบคนไทยมีพฤติกรรมกินหวาน มัน เค็ม ดังนี้
1. กินหวาน 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 50.89 โดยนิยมดื่มเครื่องดื่มชงที่ใส่น้ำตาล เช่น ชานม กาแฟเย็น และน้ำผลไม้ เป็นพฤติกรรมที่พบบ่อยที่สุด (ร้อยละ 56.22)
2. กินอาหารที่มีไขมันสูง 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 45.57 โดยมีเมนูยอดนิยมเป็นอาหารทอด อาหารผัดน้ำมัน และอาหารฟาสต์ฟู้ด (ร้อยละ 52.24)
3. กินเค็ม 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ เกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาความดันโลหิตสูงและโรคไต โดยนิยมกินอาหารประเภทส้มตำ ยำและลาบ (ร้อยละ 65.11)
นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า คนไทยยังมีความรู้ด้านโภชนาการอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง มีความรู้เกี่ยวกับการกินเค็มที่ถูกต้องน้อยที่สุดเพียง ร้อยละ 15.15 เมื่อเทียบกับความรู้เกี่ยวกับการกินหวานและมัน โดยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 59.54) เวลาซื้อหรือกินอาหารนอกบ้าน ไม่กล้าแจ้งแม่ค้าหรือร้านอาหารให้งดหรือลดเครื่องปรุง แม้จะรู้ว่าอาหารมีรสจัดหรือไม่ดีต่อสุขภาพ
ผู้ตอบแบบเฝ้าระวังฯ ร้อยละ 94.86 มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่านโยบาย “นับคาร์บ” มีส่วนสำคัญที่ช่วยลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลลง ขณะที่ ร้อยละ 91.85 เห็นว่าอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์และให้ความรู้เกี่ยวกับการลดอาหารหวาน มัน เค็ม ซึ่งมีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง
นโยบาย “นับคาร์บ” และ อสม. ถือเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนให้ห่างไกล NCDs โดยเฉพาะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อการเลือกบริโภคอาหารอย่างปลอดภัย อีกทั้ง กรม สบส. จะนำกลไก ยุว อสม.หรืออาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H)” ที่มีกว่า 20,000 คนในสถานศึกษา มาร่วมกิจกรรมรณรงค์ให้เด็กและเยาวชน เกิดความตระหนักรู้ในเรื่องของพฤติกรรมการกินหวาน มันเค็ม
