KNOWLEDGE

สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ นำร่องหลักสูตร ‘เพื่อนสร้างสุข’ ลดปัญหาภาวะเครียด-ซึมเศร้า ในรั้วมหาวิทยาลัย

ดร.พิชญา สุรพลชัย ผู้จัดการโครงการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพ ของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดเร่งขับเคลื่อนหาแนวทางลดปัญหาสุขภาพจิต และวิธีจัดการกับความเครียดในรั้วมหาวิทยาลัย ผ่านหลักสูตร ‘เพื่อนสร้างสุข’ โดยการสานต่อ ‘โครงการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย’ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หลังพบภาวะความเครียด-ซึมเศร้า ติดชาร์จปัญหาอันดับหนึ่ง ของนิสิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เครือข่ายทั้ง 15 มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการฯ ต่างกังวลใจและตระหนักถึงความสำคัญ เพื่อเร่งหาทางออกในการลดปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

ดร.พิชญา กล่าวว่า “โดยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพ ของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย พบว่านิสิตนักศึกษา ร้อยละ 30 รู้สึกเศร้าบ่อยครั้งถึงตลอดเวลา,ร้อยละ 20 รู้สึกหดหู่ วิตกกังวลและรู้สึกหมดหวัง,ร้อยละ 4.3 ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีอาการทางจิตเวชอย่างโรคซึมเศร้า และโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar),ร้อยละ 4 ของนิสิตนักศึกษามีความคิดฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้งถึงตลอดเวลา และร้อยละ 12 เคยลงมือทำร้ายตนเอง โดยในจำนวนนี้มีถึงร้อยละ 1.3 ที่ได้ลงมือทำร้ายร่างกายตนเองบ่อยครั้งถึงตลอดเวลา

“ตัวแปรสำคัญที่ทำให้นิสิตนักศึกษาคิดฆ่าตัวตาย ได้แก่ เกรดหรือผลการเรียน การเป็นหนี้ ความรัก นิสิตนักศึกษาส่วนหนึ่งเป็นหนี้ กยศ.หนี้ค่าใช้จ่ายประจำวันและค่าหอพัก ส่งผลต่อการเกิดความเครียดสะสม นอกจากนั้นยังพบว่า มีนิสิตนักศึกษากว่าร้อยละ 40 มีความเครียดอยู่ในระดับมาก ยิ่งไปกว่านั้น มีความสัมพันธ์กับหลายปัจจัยอื่น อาทิ ชั้นปีการศึกษาที่สูงขึ้นก็มีแนวโน้ม ที่จะมีความเครียดมากขึ้น นอกจากนี้ครอบครัวก็มีส่วนทำให้เกิดความเครียด โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีการศึกษาสูง และครอบครัวที่พ่อแม่ไม่มีรายได้ ก็ยิ่งส่งผลให้นิสิตนักศึกษามีความเครียดมากกว่า เป็นต้น”

นอกจากนี้ ผลสำรวจฯ ยังแสดงผลถึงคะแนนด้านการสร้างเสริมสุขภาพ แบบองค์รวมใน 4 มิติ ทั้งกาย จิต ปัญญา และสังคม พบว่า ค่าเฉลี่ยสุขภาพทางปัญญ าของนิสิตนักศึกษาอยู่ในเกณฑ์คะแนนต่ำที่สุดจาก 4 มิติดังกล่าว สะท้อนได้จากการจัดการชีวิต และการจัดสรรเวลาของตัวเองไม่ดีเท่าที่ควร มีทั้งแบบจัดการได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อีกทั้งยังมีคะแนนความพึงพอใจในตัวเอง และความรู้สึกดีในชีวิต อยู่ที่ระดับปานกลางเท่านั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลในระยะยาว

ล่าสุด ดร.ศิริเชษฐ์ สังขะมาน ที่ปรึกษาโครงการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพ ของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ ทางคณะ ได้พัฒนาหลักสูตรอบรมพิเศษ ‘เพื่อนสร้างสุข’ ขึ้นมาเพื่อช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิต ในกลุ่มนิสิตนักศึกษา โดยหลักสูตรนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้รู้จักตัวเอง รู้จักรักและเข้าใจตนเองก่อน ที่จะรู้จักรับฟังผู้อื่นอย่างเข้าใจ ฝึกการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ และการพัฒนาความยืดหยุ่นทางจิตใจ (Resilience) และมีการจำลองสถานการณ์ เพื่อผู้เข้าฝึกอบรมจะได้ทดลองปฏิบัติจริง ซึ่งจะเน้นการสื่อสารรับฟังอย่างเข้าใจและใกล้ชิดเป็นสำคัญ นับเป็นอีกกลไกสำคัญที่สนับสนุนการพัฒนาทางด้านความคิด ปัญญา และอารมณ์ ให้แก่นักศึกษาและผู้เข้าร่วมหลักสูตร สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ที่สำคัญนำไปถ่ายทอดและให้คำปรึกษาแนะนำแก่เพื่อนๆ และผู้อื่นได้อย่างมีหลักการและมีเหตุมีผล โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ได้นำหลักสูตร ‘เพื่อนสร้างสุข’ มาใช้นำร่องร่วมกับ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม เป็นแห่งแรก”

ทั้งนี้ ผศ.กันตา วิลาชัย คณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้ข้อมูลว่า “จากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้นิสิตนักศึกษาไม่ได้พบปะพูดคุย และขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ต่างคนต่างเรียน และเข้ามามหาวิทยาลัยน้อยมาก ซึ่งเราเองก็พบปัญหา ทางมหาวิทยาลัยเอ งจึงได้มีการจัดตั้ง ‘โครงการให้คำปรึกษาเพื่อนช่วยเพื่อน’ และมีทีมคณะกรรมการให้คำปรึกษา รวมถึงหน่วยปฏิบัติเองก็มี ‘ห้องขอเล่า’ ซึ่งพอกลับมาสู่ภาวะการเรียนตามปกติ คณะครูอาจารย์และนิสิ ตต่างก็มีความประสงค์ขอเข้าร่วมหลักสูตร ‘เพื่อนสร้างสุข’ ของสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสัมพันธ์อันดี ทั้งระหว่างนิสิตด้วยกันเอง ระหว่างบุคลากรในมหาวิทยาลัยด้วยกัน หรือแม้แต่ระหว่างนิสิตกับคณะครูอาจารย์ ทำให้เกิดสุขภาวะทางจิตที่ดีและสังคมน่าอยู่ภายในมหาวิทยาลัย

หลักสูตรนี้มีประโยชน์มาก มีนิสิตและบุคลากรของวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เข้าร่วมฝึกอบรมกว่า 50 คน ทำให้พวกเขาได้เครื่องมือ จากกระบวนการเรียนรู้ ได้พัฒนาทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง เรียนรู้กระบวนการผีเสื้อกระพือปีก คือได้รู้จักรักและโอบกอดตัวเอง และทำให้พวกเขาได้วิธีคิดติดตัวไป รู้จักที่จะยอมรับตนเอง เข้าใจตนเอง ก่อนที่จะเข้าใจและรับฟังผู้อื่น รู้จักจัดการกับความเครียด อารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง ทำให้เพื่อนๆที่จะเข้ามาปรึกษา รู้สึกไว้วางใจที่จะพูดคุยด้วย ส่วนคนที่รับฟังก็รู้สึกภูมิใจ ที่ตนเป็นที่พึ่งให้เพื่อนได้ มีความเข้าใจเพื่อนมากขึ้น และแปลการสื่อสารของเพื่อนได้ดีขึ้น ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเองมีแผนที่จะนำหลักสูตร ‘เพื่อนสร้างสุข’ นี้ไปต่อยอดให้เป็นกระบวนการเรียนรู้ และจัดการเพื่อลดปัญหาด้านสุขภาพจิต ภายในมหาวิทยาลัยให้เป็นระบบต่อไป ซึ่งก็สอดคล้องกับโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

ด้านตัวแทนนิสิต น้องเบียร์ และน้องซีเกมส์ ที่เข้าร่วมหลักสูตร ‘เพื่อนสร้างสุข’ เล่าว่า “ผมได้นำประโยชน์จากการฝึกอบรม ไปปรับใช้กับเพื่อนๆบ้างแล้ว ซึ่งจะเป็นเพื่อนสนิท ส่วนใหญ่จะปรึกษาเรื่องแฟนและเรื่องความรัก ซึ่งได้ใช้แนวทางของหลักสูตรมาใช้กับเพื่อน โดยก่อนหน้านี้จะฟังผ่านๆ แต่หลังจากเข้าหลักสูตร ก็ตั้งใจฟังเพื่อนมากขึ้น ไม่พูดแทรก หาเหตุผลประกอบว่าทำไมเพื่อนถึงรู้สึกแบบนี้ แล้วค่อยให้คำแนะนำที่ประมวลแล้ว ซึ่งจะมีหลักการและมีเหตุผลมากขึ้น คอยย้ำเตือนสติ สังเกตอาการเพื่อน คอยถามไถ่สารทุกข์ และหากิจกรรมสนุกร่วมกับเพื่อนฝูง เพื่อจะได้ให้รู้สึกผ่อนคลายและไม่คิดวนกับความคิดเดิมๆ”

Related Posts

Send this to a friend