KNOWLEDGE

เยาวชน 3 อำเภอ ร่วมเรียนรู้การเป็นนักสื่อสาร ผ่านสนามจริง ‘ป่าดอยช้าง’

หลังชาวแม่สะเรียงรวมตัว ยื่นหนังสือถอนพื้นที่ประทานบัตรออกจากป่า

สำนักข่าว TheReporters ร่วมกับสำนักข่าวชายขอบ จัดการอบรมนักสื่อสารแม่สะเรียง-สาละวิน ระหว่างวันที่ 18-19 สิงหาคม 2566 ณ หอประชุมโรงเรียนบริพัตรศึกษา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีนักเรียนจากโรงเรียน อ.สบเมย, อ.แม่ลาน้อย และ อ.แม่สะเรียง รวมถึงผู้สนใจ เข้าร่วมกว่า 100 คน โดยการจัดอบรมครั้งนี้ เป็นการพัฒนาทักษะการสื่อสารเบื้องต้นให้แก่เยาวชน ทั้งเรื่องการเขียนข่าวเบื้องต้น การทำคลิป การสัมภาษณ์ และการไลฟ์ นอกจากนี้ ยังมีการลงพื้นที่ป่าดอยช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทเอกชนกำลังขอประทานบัตรเหมือง และชาวแม่สะเรียงต่างออกมาต่อต้าน เพราะเชื่อว่ามีผลกระทบรอบด้าน

ช่วงหนึ่งได้มีการจัดเวทีชาวแม่สะเรียงอยากได้เหมืองหรือป่า เพื่อให้นักสื่อสารฝึกการเขียนข่าว โดยมี ดร.ทองทิพย์ แก้วใส แกนนำชุมชนคัดค้านการสร้างเหมือง อ.แม่สะเรียง นางยอด เกรเกอร์ สมาชิกชุมชนคัดค้านการสร้างเหมือง อ.แม่สะเรียง นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ แกนนำภาคประชาชนเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวิน นายวิชัย กองแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลยวมใต้ นายทยากร บุษยาวรรณ ผู้จัดการโรงเรียนอนุบาลธารทิพย์ และนางพิกุล วงศ์แก้ว ตัวแทนครูโรงเรียนบริพัตรศึกษาเข้าร่วมเสวนา

ดร.ทองทิพย์ กล่าวถึงที่มาของการคัดค้านการสร้างเหมือง อ.แม่สะเรียง ว่าสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปิดประกาศกรณีบริษัท เชียงใหม่โรงโม่หิน จำกัด ขอประทานบัตรสร้างเหมือง 312 ไร่ ในพื้นที่ ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีเวลา 60 วัน ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบในเขตรัศมีไม่เกิน 2 กิโลเมตร แสดงตัวคัดค้าน ต่อมาสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าไม่มีผู้คัดค้าน จึงต้องทำเวทีประชาคมภายใน 60 วัน ซึ่งขณะนี้ บริษัททำหนังสือแจ้งขอระงับการทำเวทีประชาคมไปแล้ว

“เราได้รวบรวมรายชื่อชาวบ้านซึ่งคัดค้านการสร้างเหมืองกว่า 6,000 คน ทำหนังสือนัดพบผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ป่าไม้จังหวัด เพื่อสอบถามว่าหนังสือคัดค้านที่ยื่นให้ไปนั้น มีผลอย่างไรบ้าง เป้าหมายของเราคืออยากให้ยุติการขอประทานบัตร โดยพื้นที่รอบ 312 ไร่นั้น มีหน่วยงานราชการมากมาย เช่น โรงเรียน 7 แห่ง โรงพยาบาล ศาลจังหวัด ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง เป็นต้น ในด้านสิ่งแวดล้อมแล้วสถานที่เหล่านี้เป็นผืนป่าแม่สะเรียงอยู่ในอ้อมกอดของภูเขา หากสร้างเหมืองจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากเราสู้ 2 ทาง คือมวลชนและกฎหมายควบคู่กันไป โดยวันที่ 19 สิงหาคม เราจะยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแนบการประชาคมที่ชาวบ้านกว่า 20 หมู่บ้านลงชื่อ ขอถอนให้ป่าแม่สะเรียงออกจากพื้นที่เหมืองแร่” ดร.ทองทิพย์ กล่าว

นายทยากร กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องคัดค้านการสร้างเหมือง เนื่องจากโรงเรียนอนุบาลธารทิพย์ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2513 ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครอง อ.สบเมย อ.แม่ลาน้อย และ อ.แม่สะเรียง อย่างยาวนาน การระเบิดหินสร้างเหมืองจะส่งผลกระทบต่อการเรียนอย่างแน่นอน

“สิ่งที่เป็นกังวล 3 เรื่อง คือหนึ่ง เสียงซึ่งอาจจะมีเวลาระเบิด เครื่องจักรทำงาน การสัญจรของรถบรรทุกหินที่มีมากถึง 30-40 เที่ยวต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนสอง มลภาวะ โดยเฉพาะฝุ่นในโรงเรียนหรือใน อ.แม่สะเรียง มีสภาวะภูมิแพ้ ฝุ่นละอองในอากาศเข้ามามีผลกระทบ คนที่เป็นภูมิแพ้ฝุ่นจะทำให้อาการกำเริบแทรกซ้อน สมรรถภาพทางปอดลดลง เกิดปอดอักเสบ มะเร็งปอด และสามคืออุบัติเหตุ การใช้ถนนขนหินของรถบรรทุก ส่งผลให้ถนนชำรุด” ผู้จัดการโรงเรียนอนุบาบธารทิพย์ กล่าว

นางพิกุล กล่าวว่า โรงเรียนบริพัตรฯ เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ มีนักเรียน 1,917 คน เป็นเด็กในพื้นที่ ซึ่งครอบครัวไว้วางใจส่งมาเรียน ถ้าเกิดปัญหาประเด็นใดที่กระทบกับเด็กให้การเรียนด้อยลง กระทบการศึกษา หรือกระทบภาพรวมทั้งหมด สุขภาพ เสียง โรงเรียนไม่เห็นด้วย เสียงจะทำให้นักเรียนเสียสมาธิ ทำให้คุณภาพเด็กแย่ลง

ยอด เกรเกอร์ กล่าวว่า พื้นที่ อ.แม่สะเรียง เป็นแอ่งกระทะ เวลาร้อนจะร้อนมาก หนาวก็หนาวมาก หากทำเหมืองฝุ่นจะลงมา แม่สะเรียงทุกตำบลจะได้รับผลกระทบ การทำเหมืองครั้งนี้ไม่ใช่การพัฒนา แต่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ตนออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองแม่สะเรียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำ และมีภูเขาแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ ที่ยังบริสุทธิอยู่

นายสะท้าน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน 87 เปอร์เซ็นต์เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ มีโครงการจากภาครัฐลงทั้งดีและไม่ดี ฐานทรัพยากรจะถูกแย่งชิงจากคนบางกลุ่มเพื่อเอาประโยชน์เข้าตัวเอง อีกทั้งที่ผ่านมาการขอประทานบัตรสร้างเหมืองอาจจะมีการลักไก่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้และไม่มีส่วนร่วม ขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ชัดเจน ผู้ที่จะทำ ต้องชี้แจงอย่างถูกต้องชัดเจน ที่ประชาชนลุกขึ้นปกป้องทรัพยากร เพราะข้อมูลไม่ชัดเจน และบริษัทไม่อยากฟังความคิดเห็น

นายวิชัย กล่าวว่า มีความกังวลว่า การสร้างเหมืองจะกระทบกับแหล่งน้ำดิบ ซึ่งเทศบาลสูบให้ชาวบ้านใช้มาตลอด อีกทั้งชาวบ้านกลัวว่าน้ำจะแห้งหายไป เวลาระเบิดหินทั้งโรงโม่ ทำให้ฝุ่นละอองกระจายทั่ว

Related Posts

Send this to a friend