FEATURE

นักกิจกรรมบำบัด แนะใช้ดนตรีดูแลสุขภาพกายใจ สร้างความผ่อนคลาย-ป้องกันโรคซึมเศร้า

นับนิ้วไม่ถ้วนสำหรับประโยชน์ของดนตรี ที่นอกจากเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังเป็นกิจกรรมบำบัดที่ช่วยให้ผู้เล่นและผู้ฟัง รู้สึกผ่อนคลาย สนุกสนานรื่นเริง ที่สำคัญยังช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย อีกทั้งในการแพทย์นั้น มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้เสียง 2 เสียง คือเสียงได้ที่จะความถี่ของคลื่นสมองในคนไข้แต่ละคน รวมถึงความถี่จากเสียงดนตรี ที่ผ่านการดีดสีตีเป่า หรือที่เรียกกันว่า “ไบนัวรอลบีท” ทั้งนี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด ในระยะเริ่มต้นของการวินิจฉัยโรค เนื่องจากการลดอาการเจ็บปวดได้ดีที่สุดนั้น จำเป็นต้องได้รับเสียงอีกรูปหนึ่ง และการสัมผัสที่ช่วยให้ภาวะดังกล่าวดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้คนแต่ละช่วงวัยใช้ประโยชน์จากดนตรี ในแง่ของกิจกรรมบำบัด เพื่อดูแลสุขภาพที่ถูกต้องนั้น

THE Reporters ได้สอบถามไปยัง “ผศ.ดร.ศุภลักษณ์ เข็มทอง” อาจารย์ประจำคณะกายภาพบำบัด ม.มหิดล และผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมบำบัดสังคม ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ กิจกรรมบำบัดโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ เพื่อประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ ของคนแต่ละช่วงวัย หรือเหมาะกับการเจริญเติบโตของสมองในแต่ละช่วงอายุ ทั้งนี้เพื่อสร้างความผ่อนคลาย อีกทั้งสร้างพลังบวก และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ที่สำคัญนอกจากการเป็นผู้ฟังแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนมาเป็นผู้เล่นดนตรี เพื่อสร้างสมาธิและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงวัย 8-25 ปี ที่สามารถพัฒนาเป็นการเล่นดนตรี เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

ผศ.ดร.ศุภลักษณ์ ให้ข้อมูลว่า “สำหรับกิจกรรมบำบัดที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อนั้น แบ่งออกเป็น 4 ช่วงวัย หรือแบ่งตามอายุของสมอง เริ่มจากอายุ ”8-25 ปี” การฟังดนตรีนั้นจะเน้นเรื่องความสนุกสนาน โดยเฉพาะเพลงที่ให้ความอารมณ์ความรู้สึกมีคุณค่า เป็นพลเมืองที่ดี หรือมีความรักในการเป็นพลเมืองที่ดี ที่สำคัญสามารถฟังร่วมกับเพื่อนได้ ส่วนอายุ “25-40 ปี” ดนตรีที่ฟังควรเป็นเพลงร่วมสมัย เช่นเนื้อร้อง ที่เป็นไปในเชิงเรารักป่า,รักธรรมชาติ,รักษ์โลก หรือ ทำอย่างไรเราจึงจะมีความเมตตากรุณาเป็นต้น นอกจากนี้ในเนื้อร้อง อาจมีการนำเรื่องวัฒนธรรม ศาสนา และประเพณีเข้ามาใส่ไว้ในเพลงด้วย ทั้งนี้สามารถฟังได้ทั้งเพลงไทย และเพลงต่างประเทศ ที่สำคัญยังช่วยทำให้สมองของคนในช่วงอายุนี้ สร้างอารมณ์คิด อีกทั้งเมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆเกิดขึ้น ก็สามารถช่วยทั้งตัวเองและผู้อื่นได้

ส่วนช่วงอายุ “40 -65 ปี” เพลงที่ฟังควรเป็นแนวเพลง เกี่ยวกับความกตัญญู หรือเพลงที่ช่วยแก้ปัญหาสังคม เช่น เพลงที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาผู้พิการ เศรษฐกิจตกต่ำ หรือเป็นเพลงรักที่เน้นเรื่องความเข้าใจ หรือเพลงที่ช่วยกระตุ้นความทรงจำ ทั้งเพลงไทยและเพลงต่างประเทศ สำหรับผู้ที่อายุ “80 ปี” ขึ้นไป อาจจะไม่ชอบฟังเพลง แต่สามารถฟังเสียงสวดมนต์ภาวนา หรือ เสียงธรรมะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมรณานุสติ หรือการเจริญสติที่ระลึกถึงความตาย เพื่อเตรียมตัวรับภาวะสุดท้ายในชีวิต เป็นต้น

เลือกทำนองให้เหมาะกับเนื้อเพลง สร้างพลังบวก และความผ่อนคลายให้คนทุกช่วงวัย

ทั้งนี้การเลือกทำนองให้เหมาะสมกับเพลง ของคนทั้ง 4 ช่วงวัยที่กล่าวมานั้น สามารถรับมือกับปัญหา และอารมณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละคนได้ เช่น 1.ทำนองรื่นเริงบันเทิง ควรมาจากเครื่องดนตรีประเภทเคาะจังหวัด อาทิ กลอง ระนาด โดยเฉพาะหากเป็นเสียงกลอง จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกสนุกสนานได้ดี 2.ทำนองที่เกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำทะเล เสียงลม เสียงน้ำไหล นกร้อง ที่ช่วยรับมือกับอารมณ์เศร้า เหงา ท้อแท้ เน้นใช้ทำนองจากเครื่องดนตรีในกลุ่มเป่าทุกประเภท 3.ทำนองที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ที่มาจากเสียงเปียโน หรือ เสียงจากเมโลดี้ต่างๆ เช่น เสียงฮัมเพลง เป็นต้น

“โดยสรุปนั้นกิจกรรมบำบัด ที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อนั้น จะทำให้ผู้ฟังในแต่ละกลุ่ม รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดความกังวล โดยเฉพาะเพลงที่มีทำนองดนตรี จากเครื่องเป่านั้น จะช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ทางหนึ่ง ที่สำคัญยังทำให้สมองของฟังดนตรีรู้สึกสนุกสนานอีกด้วย ทั้งนี้ในกลุ่มของคนอายุ 8-25 ปีนั้น สามารถเปลี่ยนจากผู้ฟังเป็นผู้เล่นดนตรีได้ เพราะขณะที่ฟังเพลงจะทำให้รู้สึกมีสมาธิ แต่หากเปลี่ยนมาดนตรีง่ายๆ เช่น ตีกลอง โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องไปเรียนดนตรี ก็จะทำให้ผู้เล่นอารมณ์ดีขึ้น จากเสียงของดนตรี ซึ่งดีมากว่าการเรียนในคลาสเรียนดนตรี เนื่องจากคนวัยนี้จะรู้สึกตัวเองเล่นดนตรีได้อย่างผ่อนคลาย ที่สำคัญทำให้โตมามีทักษะ ในการเล่นดนตรีอีกด้วยครับ”

ผู้ป่วยโรคหัวใจ-คนดื่มสุราและสูบบุรี่ ฟังเพลงฮาร์ดคอร์กระตุ้นหัวใจเต้นเร็ว เสี่ยงหัวใจวายได้

สำหรับคำเตือนในการฟังเพลงนั้น ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และอารมณ์ของผู้ฟังแต่ละคน เช่น เพลงสไตล์ฮาร์ดคอร์นั้น หากเป็นวัยรุ่นอายุ 8-25 ปี เมื่อฟังแล้วก็จะรู้สึกมีพลังมีเอ็นเนอร์จี้ แต่หากเป็นกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไปนั้น อาจทำให้หัวใจเต้นแรง หรืออาจกระตุ้นโรคหัวใจให้มีอาการมากขึ้น และอาจทำให้หายใจวายเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ป่วยโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้คนที่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมดังกล่าว จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ประกอบกับฟังเพลงฮาร์ดคอร์ ก็สามารถกระตุ้นหัวใจวาย และเสียชีวิตได้เช่นกัน

เสียงคลื่นสมอง +เสียงเพลงบรรเลง ช่วยบรรเทาอาการปวด ในระยะเริ่มต้นของโรค

“ผู้ที่สงสัยว่าการฟังเพลง ช่วยลดอาการปวดได้จริงหรือไม่นั้น แม้จะยังไม่มีการวิจัยที่ชัดเจน แต่เสียงเพลงสามารถช่วยลดการเจ็บปวด ในระดับที่ไม่รุนแรงได้ เนื่องจากเริ่มมีการวิจัยในต่างประเทศว่า เสียงดนตรีสามารถลดอาการปวดในระยะเริ่มต้น ของการวินิจฉัยโรค ซึ่งเป็นเสียงดนตรีอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ไบนัวรอลบีท” หรือการใช้เสียง 2 เสียง จาก 2 คลื่นความถี่ ที่ได้จากคลื่นสมองของคนไข้ บวกกับเสียงเพลงที่คนไข้ชื่นชอบ ในรูปแบบของเสียงบรรเลง ที่ได้จากการดีดสีตีเป่า เพื่อบรรเทาอาการปวด จากการรักษาโรคในระยะเริ่มต้น แต่ทั้งนี้คนไข้จำเป็นต้องได้รับการตรวจคลื่นสมองก่อน เพื่อหาจุดสมดุลของผู้ป่วยแต่ละคน และได้รับการสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญว่าชอบดนตรีประเภทไหน ที่ได้การดีดสีตีเป่า จากนั้นผู้เชี่ยวชาญ จะให้คนไข้ฟังเพลงบรรเลงจากเสียง 2 รูปแบบดังกล่าวเป็นเวลา 4 ครั้ง เพื่อให้สมองเกิดการเรียนรู้ โดยใช้หูฟัง Bone Conduction หรือหูฟังที่ใส่บริเวณกกหู เพื่อรับรู้การสั่นสะเทือนจริง ในหูชั้นในจากเสียง 2 เสียงดังกล่าว เพื่อบรรเทาอาการปวด ของผู้ป่วยในระยะแรกเท่านั้น”

“ทั้งนี้สิ่งที่จะทำให้คนไข้หายเจ็บปวด จากโรคที่เป็นอยู่นั้น ได้แก่ 1.การสัมผัส ผ่านการกอด จับมือ สบตา ซึ่งถือเป็นการมอบความรักผ่านการสัมผัส หากสังเกตให้ดีนั้นจะพบว่า การจับมือผู้ป่วยพร้อมกับการเงียบในระยะเวลา 20 วินาที จะทำให้ผู้ป่วยมีพลังเอาชนะความเจ็บปวด ได้มากกว่าเสียงพูดคุยปลอบโยน 2.เสียงกระซิบให้กำลังใจผู้ป่วย จากผู้ที่เป็นที่รักติดต่อกัน 3 ครั้งที่บริเวณหูด้านขวา เช่น เสียงกระซิบในรูปแบบของการให้กำลังใจว่า “ขอให้หายป่วยนะ” หรือ “ขอเป็นกำลังใจให้นะ” เนื่องจากหูด้านขวาจะเชื่อมต่อ กับสมองที่เรียกว่าส่วนลิมบิก ที่ช่วยเรื่องของอารมณ์ ซึ่งเหมาะอย่างมาก สำหรับการช่วยผู้ป่วยทางใจ หรือมีปัญหาสุขภาพจิต 3.คือการภาวนาช่วยลดอาการเจ็บปวด ทั้งนี้สามารถทำได้ด้วยตัวเองและผู้อื่น เช่น การที่ผู้ป่วยส่งเสียงภาวนา “โอม มณี ปัทเม หุม” ซึ่งเป็นบทสวดมนต์ของชาวธิเบต ก็จะทำให้สมองผ่อนคลาย และทำให้ผู้ป่วยได้ใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกมาได้ อีกทั้งทำให้รู้สึกมีสมาธิอีกด้วย”

นอกจากเสียงดนตรี จะเป็นสื่อกลางหรือกิจกรรมบำบัด ในการดูแลสุขภาพแล้ว แต่ทว่าเสียงดนตรีกับเสียงคลื่นสมองของแต่ละคน ก็ยังช่วยลดความเจ็บปวด ในระดับเบื้องต้นได้…การเลือกฟังเพลงให้เหมาะกับกลุ่มอายุ ก็ถือว่าไกด์ไลน์ในการสร้างความผ่อนคลาย ฝึกสมาธิ และใช้เวลาว่างไปกับดนตรี เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีว่าไหมคะ

Related Posts

Send this to a friend