FEATURE

ยาเสพติดรักษาด้วยใจและความเข้มแข็งของชุมชน

The Reporters พาชมโครงการชุมชนบำบัด (Community Based Treatment and Rehabilitation: CBTx) ที่บ้านมาลาอี ตำบลคลองพระยาบันลือ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นพื้นที่นำร่องที่ใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการบำบัด ยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วย นำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดทางสาธารณสุขแทนการลงโทษทางกระบวนการยุติธรรม โดยปัจจุบันที่บ้านมาลาอี มีผู้เข้าร่วมโครงการ CBTx แล้ว 30 คน ผ่านการรับรองแล้ว 13 คน

ทุ่งนาสีเขียวนี้ เป็นของครอบครัวสุดใจดี ที่แบ่งสรรให้ “ฮาริส สุดใจดี” จำนวน 12 ไร่ สำหรับประกอบอาชีพหลังเข้ารับการบำบัด ซึ่งจะได้รายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000-8,000 บาทต่อไร่ ฮาริส เปิดเผยกับทีมข่าวว่าเขาเริ่มใช้สารเสพติดตั้งแต่อายุ 13 ปี จนครอบครัวพาเข้ารับกระบวนการบำบัดครบ 40 สัปดาห์ จากนั้นจึงได้สานต่อทำเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพของครอบครัว และรับจ้างฉีดยาฆ่าแมลงเป็นอาชีพเสริม โดยเคล็ดลับการเลิกใช้สารเสพติดต้องเริ่มจากตนเองที่จะต้องเข้มแข็ง มีครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ เขารู้สึกดีใจที่ทุกคนให้การยอมรับและให้โอกาสหลังกลับตัวกลับใจ

เช่นเดียวกับ “วิชัย มณีดำ” หรือบังฟี ผู้ผ่านการบำบัด ปัจจุบันผันตัวมาช่วยธุรกิจครอบครัวทำสวนแตงล้าน ส่งออกไปยังตลาดไทวันละ 2-3 ตัน หรือตกกิโลกรัมละ 16 บาท โดยช่วงที่ว่างเว้นจากการทำสวนแตงกวาก็ไปรับจ้างเป็นคนงานในสวนมะระในหมู่บ้านต่อ พร้อมฝากถึงผู้ที่ยังติดยาเสพติด ขอให้เลิก เพราะมีแต่ล่มจม และไม่มีอะไรเป็นของตนเอง

พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงขั้นตอนของการบำบัดในโครงการ CBTx จะต้องเป็นกลุ่มผู้เสพที่สามารถบำบัดในชุมชนได้ เมื่อผ่านการบำบัดและได้รับหนังสือรับรองตากแพทย์ จะได้รับการพิจารณาให้ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 20,000 บาท เพื่อซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ตามอาชีพที่แจ้งไว้

“ยาเสพติดไม่มียารักษา แต่รักษาได้ด้วยใจ ความอบอุ่นในครอบครัว และความเข้มแข็งของชุมชน” เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าว

โดยหลังจากที่ ป.ป.ส.ประกาศแผน Quick Win ระยะ 1 ปี ตั้งแต่ 1 ธ.ค.66 เพื่อลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด ปัจจุบันมีผู้เข้ารับการบำบัดแล้ว 4,414 คน ส่วนโครงการ 100 ตำบลชุมชนยั่งยืนที่จับมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้เข้าสู่กระบวนการบำบัดแล้ว 57,000 คนทั่วประเทศ

ทั้งนี้วันที่ 25 มี.ค.67 บอร์ด ป.ป.ส.จะเสนอนายกรัฐมนตรีเพิ่มพื้นที่ควบคุมจำเป็นเร่งด่วนตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5(10) ในภาคอีสาน จากเดิมที่ครอบคลุมเฉพาะจังหวัดนครพนม โดยปัจจุบันยาเสพติดเริ่มแพร่หลายในจังหวัดบึงกาฬ เลย และอุบลราชธานีหลายล้านเม็ด

เลขาธิการ ป.ป.ส.ยังกล่าวถึงกฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดปริมาณครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ด โดยย้ำว่าการครอบครองยังยาบ้าไม่ว่าจะกี่เม็ดก็ถือว่ามีความผิด หากครอบครอง ไม่ว่าจะ 1 เม็ด 2 เม็ด หรือ 5 เม็ด จะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท กฎหมายใหม่นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้โอกาสคน กรณีครอบครองไว้ไม่เกิน 5 เม็ด และเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามแพทย์กำหนดจนผ่านการรับรองก็จะถือเป็นการยุติโทษ

Related Posts

Send this to a friend