“ตอนแรกๆ ลูกจ้างไม่รู้จักหรอก ว่าสหภาพแรงงานเป็นอย่างไร เขามักถามว่าเป็นสมาชิกสหภาพแล้วได้อะไร พวกเราก็ต้องช่วยกันอธิบายว่าหากไม่รวมตัวกันเราก็แพ้ทุกครั้งที่ถูกกลั่นแกล้ง ทุกคนจำเป็นต้องเสียค่าสมาชิก เพื่อใช้จ่ายสำหรับภารกิจส่วนรวม” ป้ารินฉายอดีตในยุคก่อตั้งสหภาพแรงงาน โดยแกได้เป็นกรรมการสหภาพในชุดที่ 2
“ยุคนั้นลูกจ้างตื่นตัวมากเรื่องสหภาพแรงงาน บางช่วงมีคนงานกว่า 600 คนเข้ามาเป็นสมาชิก จากจำนวนคนงานทั้งโรงงาน 800 คน”
ในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมของขบวนการแรงงานสหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ที่ป้ารินและป้าหงวนทำงานอยู่ มีพลังอย่างมากเนื่องจากมีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งของสหภาพแรงงานจากโรงงานต่างๆ เช่นเดียวกับพลังกรรมกร ทั้งสถานประกอบการเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ที่ได้รวมตัวกันเป็นเอกภาพและเติบใหญ่จนกลายเป็นส่วนสำคัญร่วมกับพลังนักศึกษาในการคานอำนาจผู้นำประเทศที่มักเป็นเผด็จการ รวมถึงการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในบ้านเมือง
“ตอนปี 2519 นักศึกษาเขามาตามให้ไปสนามหลวง ตอนแรกๆป้าก็ยังไม่รู้ว่าไปทำไม แต่พวกเราก็ไป ไปฟังเขาพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราได้รับรู้ข้อมูลใหม่ๆ” การเข้าร่วมในกิจกรรมทางสังคม ทำให้ป้ารินและเพื่อนได้มีมุมมองกว้างไกลขึ้น เช่นเดียวกับการเข้าร่วมวันแรงงานแห่งชาติซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าวันกรรมกร ที่มีข้อเรียกร้องในการสร้างความเป็นธรรมให้กับลูกจ้าง
“พวกเราก็เคลื่อนไหวเรื่องการปรับค่าจ้างขึ้นต่ำมาตลอด เพราะเรารู้ถ้าไม่เรียกร้องก็มักไม่ได้ปรับ”
ป้ารินรับรู้สถานการณ์จริงของโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยที่นายจ้างซึ่งเป็นคนส่วนน้อยมักเสียงดังกว่าลูกจ้างที่เป็นคนส่วนใหญ่
“ป้าทำงานมา 40 กว่าปี ตอนนี้ก็ยังกินค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 331 บาทอยู่เลย” ความจริงที่น่าเจ็บปวดของลูกจ้างไทยที่ทักษะฝีมือและความชำนาญ ไม่ได้รับการยกระดับด้านรายได้ สะท้อนความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของระบบค่าจ้างแรงงาน