ENVIRONMENT

‘ดร.สนธิ’ เผย แม้สหรัฐฯ จะสำรวจพบแรร์เอิร์ธในไทยกว่า 4.4 พันล้านล้านบาท แต่ไม่คุ้มค่า ทำลายสิ่งแวดล้อม

‘ดร.สนธิ’ เผย แม้สหรัฐฯ จะสำรวจพบแรร์เอิร์ธในไทยมีมูลค่ากว่า 4,400 ล้านล้านบาท แต่ไม่คุ้มค่า ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะทำให้เกิดสารปนเปื้อน และสารกัมมันตรังสี อย่างที่พบสารพิษจากในเมียนมากระทบมาถึงไทย

The Reporters ยังติดตามความเห็นหลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค.68

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของโลก และที่ผ่านมาได้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

-เริ่มจากคำถามง่ายๆว่า แร่แร์เอิร์ธ เป็นของดีดีหรือไม่ดี

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า แรร์เอิร์ธคือแร่พิเศษ 17 ชนิด ที่ทนความร้อนสูง เหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ดี จึงใช้ในแบตเตอรีและไอทีต่างๆ แต่แรร์เอิร์ธมีอยู่นิดเดียวในหินแกรนิต และดีบุก ดังนั้น เมื่อนำดีบุกออก และเอามาทำให้บริสุทธิ์ ก็จะได้แรร์เอิร์ธ

“คำว่าแร่แรร์เอิร์ธ โดยปกติไม่ได้หายาก ก็อยู่ในเปลือกโลกทั่วไป แต่เข้มข้นน้อย จึงต้องมาสกัดให้บริสุทธิ์ เพื่อทำให้เข้มข้นสูง ขั้นตอนทำจึงยากทำให้มีมูลค่าสูง”

วิธีการทำแรร์เอิร์ธ มี 2 แบบ คือในจีน และสหรัฐอเมริกา

-แบบที่ 1 จากที่มีแร่ในภูเขา โดยเป็นแร่ที่อยู่ในหินแกรนิต อย่างการทำเหมืองในเมียนมา หรือจีน จะเอาท่อพีวีซีเสียบลงไป แล้วใส่สารเคมี แอมโมเนียมซัลเฟสใส่ลงไป ละลายแร่ออกมา นำถังขนาดใหญ่มารองแล้วเอาสารเคมี ไปสกัดอีกที มีโอกาสปนเปื้อนน้ำใต้ดินผิวดินสูงมาก และมีสารกัมมันตภาพรังสีด้วย

-แบบที่ 2 แบบสหรัฐอเมริกา ใช้วิธีเอาแร่ไปบดให้ละเอียด ก่อนที่จะทำละลายและสกัดเอาแร่ออกมา ซึ่งใช้ต้นทุนที่สูง เพราะใช้น้ำเยอะ ใช้พลังงานเยอะ ในขณะที่ที่ฝั่งเมียนมา ทำได้เร็ว และราคาถูกกว่า แต่ปนเปื้อนเยอะ

-ถ้าทำไม่ดีจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

ดร.สนธิ อธิบายว่า แร่แรร์เอิร์ธจะอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำ และพื้นที่ป่าเขา หากไปเปิดหน้าดิน ก็ได้รับผลกระทบแล้ว เช่นถ้าอยู่ในพื้นที่ป่าลุ่มน้ำ 1 A เราก็เลือกว่าจะไปขุดขึ้นมา แม้มีมูลค่าสูงแต่ทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนกลัวว่าจะคุ้มค่าหรือไม่เมื่อแลกผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งในไทยมีแหล่งแร่ก็อยู่ในหลายจังหวัด เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พังงา ภูเก็ต ซึ่งก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งนั้น

-ไทยก็มีแหล่งแร่หายาก แต่ยังไม่เคยมีการขุดสำรวจ ซึ่งทุกขั้นตอนจะมีผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ดร.สนธิ กล่าวต่อว่า ในไทยมีการสำรวจในเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าหากสหรัฐอเมริกา จะเข้าไปสำรวจก็ต้องใช้วิธีส่องดาวเทียม เพื่อดูเชิงลึก ก่อนที่จะเอาคนไปเจาะ จะดูรู้ว่ามีปริมาณมากน้อยแค่ไหน หากมีมาก แล้วเขาขอสัมปทาน เราจะให้เขาหรือไม่ โดยใน MOU บอกว่าจะต้องให้นักลงทุนอเมริกาก่อน และเรื่องกฎระเบียบต้องทำให้รวดเร็ว แม้ยกเลิกได้ แต่ถ้าดำเนินการไปแล้ว ก็ต้องให้ให้ดำเนินการต่อ

-ไทยจะยอมให้ขุดเจาะสำรวจได้หรือไม่ เป็นโจทย์ยาก เพราะส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่ามา

ดร.สนธิ ระบุว่า เมื่อสำรวจแหล่งแร่แรร์เอิร์ธแล้ว แน่นอนว่าสหรัฐอเมริกาก็ต้องเข้ามาลงทุนทำเหมือง เพราะไทยเราไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยขนาดนั้น จึงมาขอสัมปทาน ซึ่งตามกฏหมายไทยให้สัมปทานได้ 25 ปี ซึ่งไทยลง MOU กับสหรัฐฯแล้ว แม้ยกเลิกได้ แต่จะยกเลิกไหม เพราะสหรัฐอเมริกาเป็นมหาอำนาจ ไทยจึงต้องเตรียมการ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ต้องมีหลักเกณฑ์​ขั้นต่ำ Minimum requirements กำหนดกฏเกณฑ์ที่จะทำเหมืองอย่างไรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบได้ ไม่ใช่ให้เขาเข้ามา แล้วไปยอมเขาหมดไม่ได้

“กว่าขั้นตอนจะถึงการทำเหมือนแร่จะต้องผ่านการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่าง EIA ที่แม้จะผ่านการศึกษาไปแล้วและบอกว่าจะมีผลการติดตามที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่ในประเทศไทย การทำ EIA ก็เป็นเพียงการหามาตรการป้องกันและลดผลกระทบ อย่างการทำเมืองทองในจังหวัดพิจิตร สุดท้ายแล้ว ก็มีไซยาไนด์เต็มไปหมด”

-ขั้นตอนการทำเหมือง จะเกิดภาพผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง

ดร.สนธิ ยกตัวอย่างการทำเหมืองแรร์เอิร์ธ ต้องเริ่มต้นจากระเบิดเขา ระเบิดหิน ที่ทำลายทรัพยากรป่าไม้ และเมื่อเอาแร่ขึ้นมา ต้องเอารถขนขึ้นมา อย่างสหรัฐอเมริกา ขนสารลงมา ต้องมีบ่อสกัดทำลายแร่ ละลายแร่ ต้องใส่สารเคมีเยอะมาก มีบ่อบำบัดน้ำเสีย ป้องกันกรดด่าง โลหะหนัก สารหนู แคคเมียม ต้องห้ามปนเปื้อนน้ำใต้ดิน ผิวดิน และต้องนำมาสกัดอีก ให้เป็นแร่บริสุทธ์ อาจต้องใช้ไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้า แล้วมีหลายขั้นตอน ทุกขั้นตอนใช้สารเคมีทั้งนั้น หากไม่ระมัดระวังทำให้ดี อย่างไรก็ปนเปื้อนแน่นอน

“สำคัญคือหางแร่ โยเรนียม ทอเรียม คือกัมมันตภาพรังสี คำถามคือจัดการยังไง อย่างที่อเมริกามีทำเหมืองแรร์เอิร์ธที่เมาท์เทนพาร์รัฐแคลิฟอร์เนีย เอาไปฝังในทะเลทราย และที่จอร์เจียไม่ได้ทำอะไร เอาแค่ทรายมาวิเคราะห์แล้วนำไปสกัดต่างประเทศ สุดท้ายอเมริกาก็หยุดทำไปแล้วเพราะต้นทุนสูงมาก ซึ่งความรู้ของคนไทยยังมีไม่ถึงในการจัดการ และสารกัมมันตภาพรังสีก็มีอายุอยู่ได้นาน นั่นคืออันตราย”

-แรร์เอิร์ธในไทย มีมูลค่ากว่า 4,400 ล้านล้านบาท จะคุ้มไหมกับการทำลายสิ่งแวดล้อม

ดร.สนธิ เปิดเผยว่า จากการสำรวจของสหรัฐอเมริกา คร่าว ๆ พบว่าไทยมีแรร์เอิร์ธประมาณ 4,500 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,400 ล้านล้านบาท ทำให้นักลงทุนเปิดโลก คำถามคือถ้าเรารู้ว่ามีอยู่แล้ว ทำไมไทยไม่ขุดเอง เพราะจะทำลายสิ่งแวดล้อมเยอะ

“ซึ่งคำตอบที่ได้คือทำลายสิ่งแวดล้อมเยอะมาก มันไม่คุ้มกับเงินที่ได้มา กว่าจะสร้างเหมืองอาจโดยใช้เวลาตั้งแต่เริ่มต้นสำรวจไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งก็เป็นรัฐบาลใหม่ไปแล้ว และถามว่า หากสหรัฐฯจะเอา เราจะสามารถปฏิเสธได้หรือไม่”

ดร.สันติ ยังยกตัวอย่างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของการทำเหมืองแร่แร์เอิร์ธ จากข้อมูลของ Global Witnessว่า ระบุว่าที่เมืองก้านโจวประเทศจีน มีการทำเหมืองแรร์เอิร์ธจำนวนมาก มีประชาชนบางหมู่บ้านเป็นโรคมะเร็งทั้งหมู่บ้าน ทำให้เกิดดินถล่ม 100 กว่าครั้ง จนทางการจีนหยุดให้ทำแล้ว ให้ไปทำที่เมียนมาแทน

โดยที่เมียนมามี 2,700 แห่ง มีทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย หลังจากนั้นก็มีปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ มีสารหนูลงแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง รัฐบาลไทยก็ไปเจรจากับเมียนมา เมียนมาบอกว่ามาตรฐานสารหนู 0.05 เกินมาตรฐาน ส่วนของไทยแค่ 0.01 ที่เกินมาตรฐาน เมียนมาเลยบอกไม่รับผิดชอบ พอไปถามจีน จีนบอกว่า ลงทุนถูกกฏหมายในตอนเหนือเมียนมา 60 กว่าแห่ง ส่วนรัฐฉาน ว้า ไม่รู้ของใคร

“จีนบอกว่า เป็นเทา เถื่อน คุมไม่ได้ ที่เราเรียกว่า สแกมแรร์เอิร์ธ เพราะเมียนมาบอกคุมไม่ได้เป็นชนกลุ่มน้อยให้รัฐบาลเจรจาเอง และพวกสีเทา เอามาขายไทย ทำให้บริสุทธ์ที่เมืองไทยด้วย”

-ความเชื่อมโยงเหมืองแรร์เอิร์ธจากเมียนมาถึงไทย

ดร.สันติ ยกตัวอย่างว่าสหรัฐอเมริกามีแร่สำรองกว่า 1.97 ล้านตัน ถามว่าทำไมไม่ทำแล้ว แต่นำไปสกัดที่จีนและมาเลเซีย แต่เมื่อสหรัฐอเมริกากดดันจีนโดยการขึ้นภาษี 100% ทำให้จีนตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีแรร์เอิร์ธ 125% และ 7 ชนิดไม่ขายให้อเมริกา ดังนั้นการที่สหรัฐเดินหน้าเปิดตลาดแรกในเอเชียก็เป็นการสร้างสมดุลอำนาจระหว่างประเทศมหาอำนาจ

-ข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาล

ดร.สันติ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลไปทำ MOU มาแล้ว คงต้องเดินหน้า แต่มี ข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลว่าต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนให้ชัดเจนว่าผลกระทบเป็นอย่างไร อีกทั้งยังต้องนำเทคโนโลยีสะอาดมาใช้เพื่อให้ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเขียนให้ชัดเจนว่าขั้นต่ำของการดำเนินการจะต้องทำอย่างไร

ส่วนการทำเหมืองแร่ที่เป็นมิตรแต่สิ่งแวดล้อมนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก เหมือนสหรัฐอเมริกาเคยทำ แต่สุดท้ายไม่ไหว และจีนก็ยังไม่สามารถจัดการได้ อย่างกรณีมีหมู่บ้านหนึ่งในเมืองก้านโจว เป็นมะเร็งทั้งหมู่บ้าน

“ดังนั้นรัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจ เพราะมีกัมมันตภาพรังสี สารปนเปื้อนเยอะ ถ้าสหรัฐอเมริกามาทำต้องลงทุนสูง ต้องไม่ยอมเหมือนที่จีนทำอยู่ในเมียนมา ซึ่งในรัฐฉานหากเป็นจีนเทาทำไมถูกวิธี ก็เป็นอันตราย

ดร.สนธิ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการมาศึกษาแนวทางการดำเนินการตาม MOU ต้องเตรียมความพร้อม เพราะไปลงนามมาแล้ว ต้องระดมกัน ไม่ต้องมาอาย ว่าประชาชนจะว่า ทำแล้วไม่คุ้มค่า ก็ต้องกล้าตัดสินใจ ต้องกล้ายกเลิกก่อนเขามาดำเนินการ ไม่ใช่ปล่อยทำแล้วยกเลิกทีหลังเป็นเรื่องยาก

Related Posts

Send this to a friend