ถ้ารัฐบาลไทยไม่ทำ ชาวแม่อายจะยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเมียนมา-จีน ขอให้หยุดเหมืองในรัฐฉาน
วันที่ 20 พ.ค.68 The Reporters ลงพื้นที่บ้านท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงราย เพื่อติดตามผลกระทบแม่น้ำกก หลังพบสารหนูเกินมาตรฐาน ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่สามารถใช้น้ำในแม่น้ำกกได้ และเศรษฐกิจในพื้นที่หยุดชะงัก
พระมหานิคม มหาภินิกฺขมโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่ร่วมขับเคลื่อนปัญหากับชาวบ้านเปิดเผยว่า ถ้ามองสีของแม่น้ำกกจากมุมสูง ชั้น 9 ของวัดท่าตอน จะเห็นชัดว่าสีของแม่น้ำกก เปลี่ยนเป็นสีโคลน สีขุ่นแดง เพราะมีโคลนสะสมมาตั้งแต่น้ำท่วมเมื่อเดือน ก.ย.67 ซึ่งปกติเวลานี้ตั้งแต่เดือนเมษายน จะเป็นน้ำใส ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเริ่มเปลี่ยนแปลงใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่น้ำเริ่มแดง แต่หลังน้ำท่วม ทำให้เห็นชัดเจนว่าน้ำขุ่นแดง จึงหาสาเหตุ พบว่า มาจากการทำเหมืองแร่ ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และพังทลายลงมาในแม่น้ำกก
“ชาวบ้านได้รับทราบข้อมูลว่า เหนือชายแดนไทยไปในรัฐฉาน ไปประมาณ 20 กม. มีการสร้างเหมืองทองอยู่ริมแม่น้ำกก และล่าสุดพบว่ามีการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ แร่หายากอีกสองเหมืองในเมืองสาดด้วย ทำให้ชาวบ้านตั้งแต่ในเมียนมา ไปถึง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้รับผลกระทบและตอนนี้ก็พบว่ากระทบไปถึงแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงรายแล้ว”
พระมหานิคม กล่าวว่า งานนี้หนักหนาสำหรับชาวบ้านที่จะแก้ไขแล้ว เป็นงานของรัฐบาล เพราะดูแล้วความเสียหายไม่ใช่ระดับชาวบ้าน เป็นความมั่นคงของชาวบ้าน เป็นความมั่นคงของประเทศ และเป็นความมั่นคงของรัฐบาล จึงขอรัฐบาลไทยรีบเร่งมาจัดการปัญหานี้ ต้องหยุดการทำเหมืองแร่ เพราะการสะสมของสารพิษจะเป็นอันตราย อาจใช้เวลา 5-10 ปีในการแก้ไขปัญหา และต้องหาข้อยุติก่อนหน้าฝนที่จะถึงในช่วง 2-3 เดือนนี้ ชาวบ้านก็กลัวว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่มาอีก
“ได้ทราบจากฝ่ายความมั่นคงบอกว่าได้ประสานงานไปทางกลุ่มว้า ที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ที่มีการสร้างเหมืองว่า เขาพร้อมจะร่วมแก้ไขปัญหา แต่ต้องให้รัฐบาลเมียนมาสั่งการมา ซึ่งชาวบ้านก็ร้องเรียนไปยังรัฐบาลไทย ขอให้ดำเนินการประสานไปยังรัฐบาลเมียนมา นี่ก็ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ชาวบ้านก็คิดว่า ถ้ารัฐบาลไทยไม่ทำ เราก็คงต้องไปยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเมียนมา กับรัฐบาลจีนกันเองแล้ว เพราะเหมืองเหล่านั้นมีรายงานว่าเป็นของบริษัทจีน” พระมหานิคม กล่าวย้ำ
นายทศพร สามหน่อวงศ์ ชาวบ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมชายแดน เปิดเผยว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านได้รับผลกระทบหนัก เพราะชาวบ้านจะหาปลา ทำการเกษตร อาศัยน้ำกกเป็นอาชีพ ผลกระทบหลังน้ำท่วมเจอหนักแล้ว พอสภาพแม่น้ำกก เปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าเล่นน้ำ การท่องเที่ยว ร้านค้าต่างๆ ก็ต้องปิดไป ชาวบ้านสะท้อนมาว่า ไม่มีใครกล้ากิน กล้าใช้ กล้าเล่นน้ำ อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้โดยเร็ว
นายวิมาลา ไซทุน ชาวบ้านร่มไทย กล่าวด้วยว่า อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาแม่น้ำกกโดยเร็วที่สุด เพราะห่วงเรื่องสุขภาพชาวบ้าน ที่ไปสัมผัสกับแม่น้ำกก ปกติชาวบ้านจะหาปลามากิน ตั้งแต่รู้ข่าวว่ามีสารพิษปนเปื้อน ชาวบ้านก็ไม่กล้ากิน จึงอยากให้มีการตรวจสุขภาพของชาวบ้านด้วย เพราะอาจได้รับสารพิษสะสมมา 2 ปีแล้ว ยิ่งมีการพบว่ามีการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ก็ยิ่งน่าห่วง
นายประเสริฐ กายทวน ชาวบ้านท่าตอน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้แต่สงสัยว่าทำไมตอนน้ำท่วมมีดินโคลนมามาก ชาวบ้านคิดว่าอาจเพราะมีการทำลายป่าจากการปลูกยางพาราในฝั่งเมียนมา แต่หลังจากนั้นในช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ที่เป็นช่วงแม่น้ำกก น้ำจะเริ่มใสในช่วงลอยกระทง ก็ไม่ใส ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าอาจมีปัญหาอย่างอื่น จึงพบว่าเหนือขึ้นไป มีการทำเหมือง และปัญหานี้ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ชาวบ้านจึงห่วงว่าถ้าไม่รีบแก้ไขอนาคตลูกหลานจะเป็นยังไง
“ตอนนี้มีข้อเสนอการทำฝายตกตะกอน แต่ก็คุยกันว่าจะทำที่ไหน ถ้าทำบ้านแก่งทรายมูล จะทำให้น้ำท่วมไหม แล้วตะกอนจะเอาไปทิ้งไหน จะเหมือนบ้านคลิตี้ล่างหรือไม่ แต่ชาวบ้านอยากเห็นการแก้ปัญหาเร่งด่วน ที่ต้องหยุดการทำเหมืองทุกแห่งในรัฐฉาน อาจพักชั่วคราว เพื่อให้พิสูจน์ว่าสารปนเปื้อนมาจากการทำเหมืองหรือไม่ เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองด้วย และต้องลดผลกระทบก่อนจะมีน้ำท่วม รวมถึงอยากเห็นแผนรับมือจากภาครัฐที่ชัดเจนกว่านี้” นายประเสริฐ กล่าว