ENVIRONMENT

ชาวบ้านลาวสุดระทม จีนสัมปทาน “แม่น้ำอู” ตลอดสาย สร้าง 7 เขื่อนขั้นบันได แต่จ่ายค่าชดเชยน้อยนิด

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 แหล่งข่าวจากรัฐบาลลาวเปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำอู 1   3   4  และ 7 ที่ดำเนินการโดย บริษัทไซโนไฮโดร ของจีน ที่ตั้งอยู่แขวงหลวงพระบาง และแขวงพงสาลี เตรียมเปิดผลิตไฟฟ้าขายอย่างเป็นทางการในปี 2563 นี้ แต่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบและถูกโยกย้ายไปยังแปลงอพยพที่สร้างบ้านจัดสรรยังคงประสบความยากลำบาก

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับเขื่อนน้ำอู 1 ที่ตั้งอยู่เมืองปากอู แขวงหลวงพระบาง มีประชาชนถูกโยกย้าย 134 ครอบครัว จากบ้านคอนคำ บ้านหาดตาง บ้านฝาย บ้านห้วยเหลือง และบ้านผาจึงนั้น ปัจจุบันชาวบ้านยังมีปัญหากับผู้ก่อสร้างบ้านจัดสรร ในเรื่องระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะระบบน้ำและปัญหาเรื่องค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ทางการก็ยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ

“มองแล้วถ้าเทียบกับความเป็นจริง มันก็ยังไม่สมเหตุสมผล ทุกหมู่บ้านมีต้นไม้ เป็นสวน เป็นไร่ เป็นเรือนชานบ้านช่อง มันจะต้องมีการชดเชยทั้งหมด แต่ว่าในการชดเชยนั้นมันก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เดี๋ยวนี้บางบ้านก็ตกลงกันได้ บางบ้านก็ยังตกลงกันไม่ได้ เราเองยังได้รับผล กระทบ แต่ว่ายังตกลงกันไม่ได้” เจ้าหน้าที่โครงการสร้างบ้านในแปลงอพยพรายหนึ่ง กล่าว

เขากล่าวด้วยว่าสาเหตุที่ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่พอใจค่าชดเชยนั้น เพราะกรรมการจะจ่ายค่าชดเชยต้นผลไม้ในราคาเพียง 5,000– 10,000 กีบ (ประมาณ 20-40 บาท) ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ที่ชาวบ้านปลูกไว้ มีราคาเพียง 12,000 -15,000 กีบ (50-60 บาท) ทั้งๆ ที่ต้นไม้ทั้งหมดนั้น ประชาชนใช้เวลาปลูกนับ 10 ปี ส่วนบ้านใหม่ที่สร้างให้นั้น ใช้เกณฑ์จ่ายให้ตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น หากครอบครัวใดมีสมาชิก 3 คน ได้บ้านขนาดเล็ก ทั้งๆ ที่ครอบครัวขนาดเล็กหลายครอบครัว มีบ้านเดิมหลังใหญ่ เพราะลูกหลานที่ไปทำงานต่างแขวงส่งเงินมาให้

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับเขื่อนน้ำอู 3 ที่มีประชาชนถูกโยกย้ายจำนวน 5 หมู่บ้าน ในเขตเมืองงอย แขวงหลวงพระบาง เช่น บ้านหาดสา บ้านหาดขาม และบ้านสบขิง ปัจจุบันนอกจากระบบโครงสร้างน้ำอุปโภคบริโภคไม่ได้มาตรฐาน ทางโครงการก็ไม่ยอมสร้างวัดแห่งใหม่ตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง บริษัทรับเหมาช่วงของบริษัทไซโนไฮโดร ยังไม่ยอมจ่ายค่าแรงให้ประชาชนบ้านสบขิง จำนวน 60 คนอีกด้วย หลังจากที่บริษัทจ้างให้ชาวบ้านเข้าไปทำงานหน้าเขื่อนในระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคมที่ผ่านมา

หมู่บ้านที่ต้องอพยพย้ายจากน้ำท่วมเนื่องจากเขื่อนน้ำอู 6

นอกจากนี้แล้ว การจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านในบ้านจัดสรรของเขื่อนแห่งนี้ ก็ยังไม่เหมาะสมเรื่องขนาดเนื้อที่ ทำให้ชาวบ้านไม่มีดินทำกินที่เพียงพอ

ขณะที่บ้านจัดสรรในแปลงอพยพเขื่อนน้ำอู 4 เขตเมืองขวา แขวงพงสาลี ซึ่งมีประชาชนที่ถูกโยกย้ายจำนวน 297 ครอบครัว จากบ้านตางกก บ้านห้วยลึก บ้านห้วยลีก บ้านห้วยพุก บ้านห้วยซอย ปัจจุบัน ประชาชนได้ถูกย้ายมาอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ได้ 1 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีอาชีพใดๆ รองรับ

แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่เมืองยอดอู แขวงพงสาลี ชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน คือบ้านตาตุง บ้านสบกั้ง บ้านจะเริน และบ้านทับทิม จำนวนกว่า 200 ครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนน้ำอู 7 และถูกโยกย้ายไปอยู่บ้านจัดสรรในแปลงอพยพช่วงปลายปี 2561- กลาง ปี 2562 นี้ ปัจจุบันพวกชาวบ้านยังไม่ได้รับค่าชดเชยโดยผู้รับผิดชอบให้เหตุผลว่าเป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ และไม่ได้เสียภาษีเข้ารัฐ ทั้งที่ชาวบ้านอาศัยอยู่กันมากว่า 40 ปีแล้วก็ตาม

หมู่บ้านที่ต้องอพยพย้ายจากน้ำท่วมเนื่องจากเขื่อนน้ำอู 6

โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำอู ประกอบด้วยโครงการเขื่อน 7 เขื่อน โดยปัจจุบันเฟสแรกก่อสร้างแล้ว 3 เขื่อนในปี 2561 ได้แก่ เขื่อนน้ำอู 2  5 และ 6 ส่วนเฟสสอง ได้แก่ เขื่อนน้ำอู 1   3   4 และ 7 นั้น กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2562 โดยเฟส 2 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 732 เมกกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2,874 กิกกะวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี

ทั้งนี้เขื่อนทั้ง 4 แห่งในระยะที่ 2 นี้ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน ได้รายงานว่า  มีการทำพิธีเปิดหน่วยผลิตไฟแรกของโครงการที่แขวงหลวงพระบาง โดย นายคำมะนี อินทิราด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ กับนายเจียงไจ้ตง เอกอัคราชทูตจีน ประจำสปป.ลาว ซึ่งนายคำมะนี ได้กล่าวชื่นชม การบริหารจัดการเขื่อนน้ำอูว่า จะช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนให้พัฒนายิ่งขึ้น ขณะที่สื่อทางการจีนอย่างสำนักข่าวซินหัว ประจำประเทศไทย ได้รายงานข่าวนี้ในวันที่ 26 ธันวาคมว่า เขื่อนน้ำอูในลาว คือ ไข่มุกพราวทั้ง 7 และเป็นโครงการหนึ่งของ Belt and Road Initiative ของรัฐบาลจีน

Related Posts

Send this to a friend