ENTERTAINMENT

“ติ๊ก-เจษฎาภรณ์” มองภาพยนตร์-ดนตรี เป็น Soft Power เชื่อมการพัฒนาเมือง

“ติ๊ก-เจษฎาภรณ์” มองภาพยนตร์-ดนตรี เป็น Soft Power เชื่อมการพัฒนาเมือง หวัง กทม.เปิดโอกาสคนทำหนังง่ายขึ้น พร้อมให้กำลังใจ “ชัชชาติ” ปลุกความสุขให้คนกรุงเทพฯ

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ กล่าวว่า “ตื่นเต้นมากครับที่ภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาล ครองเมือง ที่เข้าฉายเมื่อปี 2540 ได้กลับมาฉายใหม่ในจอหนังกลางแปลงที่ลานคนเมือง ทำให้คนรุ่นใหม่ รู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกยินดีมาก ยิ่งได้ชมผ่านหนังกลางแปลง ทำให้วงการภาพยนตร์กลับมาคึกคัก และตื่นเต้นคือจอใหญ่มาก”

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี นักแสดงที่แจ้งเกิดจากภายนตร์ 2499 อันธพาลครองเมือง เมื่อ 25 ปีก่อน ยอมรับว่าดีใจมาก ที่เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาสร้างความสุขให้คนกรุงเทพมหานคร ผ่านโครงการ กรุงเทพ กลางแปลง โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ริเริ่มเทศกาลภาพยนต์ในเดือนกรกฏคม และเริ่มฉายหนังเรื่องแรกที่ลานคนเมืองในวันที่ 7 ก.ค.65 และเริ่มฉายเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง ซึ่งถ่ายทำและบอกเล่าเรื่องราวของ พระนคร หรือกรุงเทพ เมื่อปี 2499 หรือ 66 ปีก่อน

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ กล่าวว่า ดีใจที่นายชัชชาติ มีวิสัยทัศน์ให้กรุงเทพมหานคร มีกิจกรรมทั้งภาพยนตร์ และดนตรี ที่ถือเป็น Soft Power ในวงการบันเทิง ที่สามารถส่งเสริมได้อีกมาก และภาพยนตร์มีคุณค่าทุกเรื่อง การฉายหนังกลางแปลง นอกจากสร้างความสุขให้ผู้ชมแล้ว ยังกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนด้วย

เช่นเดียวกับ อุ๋ย นนทรีย์ นิมิตบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์ ดีใจที่เห็นวงการภาพยนตร์กลับมาคึกคักมากขึ้น ซึ่งได้คุยกับนายชัชชาติ และทางกรุงเทพมหานคร ที่อยากเห็นความร่วมมือในการถ่ายทำภาพยนตร์ในกรุงเทพมหานครให้ง่ายขึ้น เพราะที่ผ่านมามีหลายขั้นตอน และเชื่อว่า กิจกรรมฉายหนังกลางแปลง ที่ให้คนกรุงเทพเห็นรอยยิ้ม ก็จะขยายไปถึงคนต่างจังหวัดด้วย

ขณะที่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ นักแสดงรักสิ่งแวดล้อม ก็รู้สึกดีใจที่เห็นผู้คนมีความสุขกับการดูหนังกลางแปลง ที่จะมาพร้อมบรรยากาศ การนั่งทานพร้อมข้าวโพด ข้าวเกรียบ หรือถั่ว ซึ่งก็อยากเห็นการเก็บขยะ รักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

“ถ้าน้องเด็กๆรุ่นใหม่ อาจยังไม่เคยดู มาดูกันได้ 2499 สอนเรื่อง ความกตัญญู ความจริงใจ ความเป็นเพื่อน เป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้ครับ” ติ๊ก กล่าว

ด้านนายศานนท์ หวังสร้างบุญ ดีใจที่เห็นบรรยากาศเกินฝัน ดีใจที่คนมาดูหนังกลางแปลงเยอะในรอบ 30 ปีที่กรุงเทพไม่มีหนังกลางแปลงมานานมาก ต้องขอบคุณสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ สมาคมหนังกลางแปลง และทีม Better Bangkok ที่มาช่วยกันทำให้งานเกิดขึ้นได้ เพราะหน้าที่ กทม.คือร่วมมือกับคนที่เขามีความตั้งใจก็เกิดขึ้นได้ และส่วนตัวชื่นชอบบรรยากาศการชมหนังกลางแปลงอย่างมาก เพราะไม่มีบัตรแพง บัตรถูก ทุกคนอยู่ในที่เดียวกัน คือเสน่ห์ของหนังกลางแปลง ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีบัตรราคาแบบไหน

“อยากให้ติดตามการฉายหนังตลอดเดือนนี้และพิเศษในวันที่ 17 ก.ค.จะมีการฉายหนังที่หัวลำโพง ตามที่ผู้ว่าฯชัชชาติ ได้คุยกับทางการรถไฟ ซึ่งฉายหนัง คู่กรรม ถือเป็นรอบพิเศษมากๆอยากให้ไปดู”

นายนิมิตร สัตยากุล ผู้ก่อตั้งสมาคมหนังกลางแปลง กล่าวด้วยว่า การฉายหนังวันนี้สำหรับตนเองถือว่าเกิดขึ้นในรอบ 30 ปี ในกรุงเทพฯ จากการฉายเรื่องสุดท้าย คือ ไททานิค ที่สนามหลวง จึงดีใจมากๆ ที่เห็นบรรยากาศแบบนี้ โดยเตรียมฉายหนังฟิล์ม เรื่อง คู่กรรม ที่หัวลำโพง ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ รวมถึงจะมีการพากย์ แบบหนังขายยา ให้มารับชมด้วย สำหรับคนรุ่นใหม่ก็จะได้มีโอกาสเห็นบรรยากาศแบบรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ด้วย

Related Posts

Send this to a friend