สรุปประเด็นมติ ศบค.ชุดใหญ่ ต่ออายุ พรก. ฉุกเฉิน ผ่อนคลายกิจการเพิ่ม ลดกักตัว
ศบค. มีมติ เห็นชอบเสนอขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2 เดือน ปรับลดเคอร์ฟิว 1 ชม ผ่อนคลายกิจการกิจกรรมเพิ่ม และลดเวลากักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร รวมถึงแผน และแนวทางเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
นายแพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 และผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 15/2564 ประจำวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธาน โดยมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้
1. เห็นชอบขยายเวลาประกาศ พรก. ฉุกเฉินฯ อีก 2 เดือนจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 64
2. เสนอปรับลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชม เป็นเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 22.00 น. – 04.00 น. อย่างน้อย 15 วัน (เสนอปรับ 1 ต.ค. 64)
3. ผ่อนคลาย 10 กิจการให้สามารถเปิดบริการได้
– ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
– ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชนและบ้านหนังสือ
– พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันแหล่งประวัติศาสตร์ หรือโบราณสถาน
– ศูนย์การเรียนรู้ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมหรือหอศิลป์
– ร้านทำเล็บ
– ร้านสัก
– สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (นวด สปา)
– ธุรกิจโรงภาพยนตร์หรือฉายภาพยนตร์
– การเล่นดนตรีในร้านอาหารเปิดดำเนินการได้
– ศูนย์แสดงสินค้าศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ
** เน้นย้ำผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบหมุนเวียนอากาศ และจัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ COVID-Free Setting ก่อนเปิดบริการ **
4. ปรับเงื่อนไข เปิดบริการได้ถึง 21.00 น. (เสนอปรับ 1 ต.ค.)
– ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า
– ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด (เฉพาะจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค)
– กีฬากลางแจ้ง หรือในรุ่ม เปิดได้ทุกประเภทกีฬา
5. ลดระยะเวลากักตัว – อนุญาตทำกิจกรรมระหว่างกักตัว
– มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วัน กักตัว หรือเข้าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 7 วัน และ ตรวจ RT-PCR 2 ครั้งในวันแรกที่มาถึง (0-1) และวันที่ 6-7
– ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หากเดินทางทางอากาศ หรือทางน้ำกรณีมีคนใดคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางมีเอกสารไม่ครบ) กักตัวอย่างน้อย 10 วัน และ ตรวจ RT-PCR 2 ครั้งในวันแรกที่มาถึง (0-1) และวันที่ 8-9
– ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หากเดินทางทางบก กักตัวอย่างน้อย 14 วัน และ ตรวจ RT-PCR 2 ครั้งในวันแรกที่มาถึง (0-1) และวันที่ 12-13
– สำหรับการกักตัวแบบ ทางเลือก (AQ) สามารถออกกำลังกายกลางแจ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยานในที่ปิด สั่งซื้ออาหารจากภายนอกหรือประชุมกรณีนักธุรกิจเข้ามาระยะสั้นได้ โดยต้องมีการจองนัดหมายล่วงหน้า และเซ็นยินยอมรับความเสี่ยง ส่วนการกักตัวของรัฐ (SQ) และของหน่วยงาน (OQ) บางประเภทสามารถออกกำลังกายกลางแจ้งและสั่งอาหาร สินค้าจากภายนอกได้
6. พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
ระยะนำร่อง เริ่ม 1-31 ตุลาคม ได้แก่ พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) ภูเก็ต กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก) และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า)
ระยะที่ 1 เริ่ม 1-30 พฤศจิกายน ได้แก่ เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) เลย (เชียงคาน) บุรีรัมย์ (อ.เมือง) ชลบุรี (พัทยา นาจอมเทียน บางเสร่ บางละมุง) เพชรบุรี (ชะอำ) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) รองนอง (เกาะพยาม) และกรุงเทพมหานคร
ระยะที่ 2 เริ่ม 1-31 ธันวาคม ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ ตราด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส
ระยะที่ 3 เริ่ม 1 มกราคม 65 ได้แก่ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี สตูล