PUBLIC HEALTH

นายกฯ เรียก ‘อนุทิน’ หารือเตรียมพร้อมเปิด ภูเก็ต sandbox และเปิดประเทศใน 120 วัน ยัน ซื้อซิโนแวคตามราคาตลาด ไม่ได้ซื้อแพง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือการเตรียมพร้อมภูเก็ต sandbox วันที่ 1 ก.ค.นี้ รวมทั้งการเตรียมพร้อมเปิดประเทศภายใน 120 วัน

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จะต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือให้ดี เพราะหากเปิดประเทศแล้วมีผู้ติดเชื้อจะต้องมีแผนรับมือ ในเรื่องยา เตียงรักษาผู้ป่วย ซึ่งถ้าเตรียมความพร้อมได้ครบ จะนำไปสู่การตัดสินใจ เพราะถ้าหากเดินหน้าไป จะได้มีแผนที่ดีปิดท้าย ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ที่ จ.ยะลา เพราะวันนี้ตนเอง และคณะฯ มาพบนายกฯ เพื่อรายงานแผนนโยบายเตรียมเปิดประเทศ ให้มีความเป็นไปได้มากที่สุด

ส่วนที่หลายฝ่ายอยากให้ชะลอไปก่อน เพราะเกิดคลัสเตอร์ที่ภาคใต้ ก็ต้องรับฟัง โดยผู้ที่อยากให้ชะลอ ไปก่อนจะต้องให้ความเห็นผ่าน ศบค.โดยต้องฟังเหตุผล ไม่ใช่ว่านายกฯ พูดว่าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน แล้วจะต้องเปิด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะต้องประเมินความเสี่ยง ความคุ้มค่า ทุกอย่างต้องมีเป้าหมายไม่ใช่ให้นายกฯ อยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรรอให้โควิด-19 หมดไปเอง แล้วค่อยเริ่มทำ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ขณะนี้ประเทศปิดไป 2-3 เดือนแล้ว หลายฝ่ายก็ทุกข์ใจ

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการกระจายวัคซีนที่มีการดราม่าล่าสุดที่จังหวัดสมุทรสาคร ว่าดราม่าก็คือดราม่า แต่ข้อเท็จจริงพูดอยู่ทุกวัน กระจายวัคซีนตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา เป็นไปตามระบบ ซึ่งการฉีดวัคซีนก็ฉีดได้วันละ 300,000 แสนโดสต่อวัน และส่งวัคซีนทุกสัปดาห์ ซึ่งขณะนี้มีสายพันธุ์อินเดีย เข้ามา คณะแพทย์ผู้เชียวชาญ ก็มีการศึกษาว่าควรจะมีการฉีดวัคซีนผสมหรือไม่ ซึ่งต้องมีความพร้อมในการจัดชื้อจัดหาวัคซีนให้ทันเวลา

นายอนุทิน ยังชี้แจงประเด็นชื้อวัคซีนซิโนแวค ที่แพงกว่าแอสตร้าเซนเนก้า ว่าไม่เป็นความจริง เป็นการชื้อขายตามราคาท้องตลาด และมีการต่อรองจนได้ราคาโดสละ 15 เหรียญ โดยเป็นการชื้อโดยตรงไม่ผ่านบริษัทนายหน้า ผ่านการรับรู้ของสถานฑูตและรัฐบาลจีน และกันการผลิตไว้ให้ประเทศไทย ซึ่งได้สั่งชื้อล่วงหน้าตั้งแต่เดือนธันวาคม และไทยเป็นลูกค้าชั้นดี ทำให้ได้รับวัคซีนซิโนแวคตามกำหนด ขณะที่วัคซีนไฟเชอร์ที่เซ็นสัญญาซื้อ มีการเลื่อนจากไตรมาส 3 เป็นไตรมาส 4

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ราคาถูกกว่าซิโนแวค เพราะผลิตในประเทศไทย ใช้นโยบาย CSR เพื่อสังคม ไม่มีขาดทุน ไม่มีกำไร ค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงถูกลง ขณะที่วัคซีนทั่วไปที่ชื้อตามตลาดเท่ากันประเทศอื่น ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย

พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า ถ้าในขณะนี้โดสละ 30 เหรียญก็ต้องชื้อ แต่ซิโนแวคไม่ขึ้นราคา โดยมองว่าเป็นความจำเป็นของโลก ส่วนผู้ที่ฉีดซิโนแวค จะต้องฉีดเข็ม 3 หรือไม่ เป็นเรื่องทางวิชาการ รวมถึงจะผสมวัคซีนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ทางการแพทย์จะพิจารณา

Related Posts

Send this to a friend