PUBLIC HEALTH

‘หมอยง’ คาด หลัง ก.พ. 66 อาจไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย

‘หมอยง’ คาด หลัง ก.พ. 66 อาจไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ยกเว้นอยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นกรณีการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 ในช่วงนี้ ว่า หลายคนตั้งคำถามว่าจะต้องใส่หน้ากากอนามัยไปอีกนานแค่ไหน

ศ.นพ.ยง ระบุว่า ในยามปกติ หน้ากากอนามัยจะมีไว้สำหรับให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นผู้ใส่ เพื่อป้องกันการกระจายของโรค คนปกติไม่มีความจำเป็นต้องใส่ ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ถ้ารู้ว่าป่วยควรจะใส่ และมีระเบียบวินัย ซึ่งการใส่หน้ากากอนามัย ถ้าใส่ไม่ถูกวิธีหรือไม่ดูแลเรื่องสุขอนามัย ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดน้อยลงอย่างมากๆ

มีการศึกษามาสนับสนุนชัดเจน เช่น ใส่ไม่ถูกวิธี การจัดต้องหน้ากากหลังใส่แล้วโดยไม่ได้ล้างมือ มีการศึกษาว่าในแต่ละชั่วโมงจะมีการจัดหน้ากากเป็นจำนวนมากหลายครั้ง ทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมากเนื่องจากการ ปนเปื้อน ขณะที่การศึกษาที่น่าสนใจ โรงพิมพ์ในวารสาร PNAS ศึกษาคนที่ใส่หน้ากากอนามัยและไม่ใส่หน้ากากอนามัยแข่งขันหมากรุก จะพบว่าการใส่หน้ากากอนามัยจะมีผลต่อ ความนึกคิด (cognitive) ในช่วงแรกของการแข่งขัน และถ้าใส่ไปนานๆ ก็จะมีการปรับตัว หน้ากากอนามัยอาจมีผล ต่อการ นึกคิดคำนวณระดับสูง แต่ในภาวะปกติคงไม่เห็นความแตกต่าง

ศ.นพ.ยง ระบุเพิ่มเติมว่า ในเด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กอนุบาล การเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา จะมีทั้งภาษาพูด (verbal) และภาษาท่าทาง (non verbal) เช่นการสังเกตจากริมฝีปาก ดังนั้นในเด็กเล็ก การใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกต้องก็ทำได้ยากอยู่แล้ว และยังมีผลต่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ดังนั้น จึงมีความเห็นว่าในชั้นเรียนของเด็กเล็ก การใส่หน้ากากอนามัยจะขัดขวางต่อการเรียนรู้ และการปฏิบัติตัวของเด็กในการดูแลหน้ากากอนามัยก็ทำได้ยากที่จะให้มีประสิทธิภาพ ความจำเป็นในการใส่หน้ากากอนามัยจึงน้อยลง ในภาวะที่ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง เด็กก็มีการเรียนรู้จากครูด้วย

สิ่งที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง คือ การกำจัดขยะหน้ากากอนามัย เพราะการใช้หน้ากากอนามัยจำนวนมากที่เป็นหน้ากากอนามัยสังเคราะห์ จะทำให้เกิด micro plastic เพิ่มขึ้น ในสิ่งแวดล้อม

ในขณะนี้ ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้ง เช่น ชายทะเล สวนสาธารณะ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย หวังว่าหลังเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว ส่วนใหญ่จะมีภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนหรือติดเชื้อแล้ว โรคจะลดน้อยลง และมีการปรับตัวได้มากขึ้น ความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย ก็จะน้อยลง จะใส่เมื่ออยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก เช่นในรถประจำทาง เครื่องบิน รถไฟฟ้า และผู้ที่ต้องใส่ ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มของ ผู้ป่วยหรือมีอาการทางโรคทางเดินหายใจ

Related Posts

Send this to a friend