น.สพ.พยุงศักดิ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ยังได้ดำเนินการวัดผลการส่งเสริมสวัสดิภาพของสัตว์ (Welfare Outcome Measures :WOMs) เน้นการประเมินสุขภาพสัตว์ทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งสัตว์ที่ได้รับสวัสดิภาพขั้นสูงตามหลักสวัสดิภาพสัตว์จะสัมพันธ์กับลักษณะทางกายภาพ อารมณ์และพฤติกรรมที่ดีของสัตว์ ซึ่งบริษัทฯใช้วิธีวัดผลดังกล่าวทั้งในประเทศไทยและกิจการต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยหลัก คือ อัตราการเลี้ยงรอด อัตราการเติบโต อัตราการสูญเสีย ปริมาณและคุณภาพซาก การแสดงออกพฤติกรรมทางธรรมชาติ เป็นต้น
“หลักอิสระ 5 ประการ และการเลี้ยงสัตว์ในโรงเรือนระบบปิดที่มีการบริหารจัดการฟาร์มตามมาตรฐานสากล ทำให้สัตว์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมและการปฏิบัติที่ดี ทำให้สัตว์สุขภาพดี ไม่เครียด ไม่ป่วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยา ส่งผลดีต่อคุณภาพเนื้อสัตว์และการผลิตอาหารคุณภาพดี ปลอดภัยอย่างยั่งยืน” น.สพ.พยุงศักดิ์ กล่าว
ซีพีเอฟ ยังยึดมั่นตามแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะด้วยความรับผิดชอบและสมเหตุผล ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติหนึ่งเดียวของธุรกิจปศุสัตว์ในกิจการทุกประเทศทั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของบริษัทฯและฟาร์มของเกษตรกรในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ โดยไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะที่ผ่านการรับรองให้ใช้เฉพาะในคนเท่านั้น (Human-Only Anitbiotics) ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะที่ผ่านการรับรองให้ใช้ทั้งในคนและสัตว์ (Shared-Class Antibiotics) เพื่อวัตถุประสงค์เร่งการเจริญเติบโต และไม่ใช้ฮอร์โมน เพื่อวัตถุประสงค์เร่งการเจริญเติบโต (Growth Promotor)
“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการใช้ยาปฏิชีวนะด้วยความรับผิดชอบและสมเหตุผลในระดับสูงและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ของบริษัทฯ ในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และตุรกีไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะชนิด Shared-Class Antibiotics เพื่อการเร่งโตแล้ว” น.สพ. พยุงศักดิ์ กล่าว