นับแต่การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรมต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับพลวัตของโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ไม่อาจนิ่งเฉยกับกระแสหลักในยุคไทยแลนด์ 4.0 นี้ รวมทั้งการอุบัติขึ้นของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 (โควิด-19) ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เป็นต้นมา ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ต้องปรับองค์กรให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่นี้
สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจไมซ์อย่างไบเทค ที่หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มงานประชุมเชิงธุรกิจและวิชาชีพเฉพาะทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะงานระดับนานาชาติที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดสนามบิน และการจำกัดการเข้า-ออกประเทศ ที่ส่งผลให้การจัดงานในรูปแบบดั้งเดิมที่เป็นแบบกายภาพ (Physical Meeting Space) ต้องหยุดชะงัก ทั้งการเลื่อนกำหนดการจัดงานและการระงับการจัดงาน โดยไบเทคก็ได้มีการปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจอย่างกระตือรือร้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการคิดค้นพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของธุรกิจในยุคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผนวกเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้จัดงานไมซ์ และด้วยนโยบายของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) หรือ ทีเส็บ ที่ดำเนินการแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่เน้นการนำเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจบริการจัดงานประชุมในแบบ HYBRID MEETING SOLUTION นี้ จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้จัดงานที่สามารถสร้างสรรค์รูปแบบงานที่ให้ประสบการณ์แบบองค์รวมทั้งในรูปแบบสถานที่จัดงานจริง (Physical Meeting Experience) ที่สามารถรองรับผู้มาร่วมงานได้พร้อมเสริมการเข้าประชุมในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Meeting Experience) เพื่อทลายข้อจำกัดด้านสถานที่และการประชุมระหว่างประเทศ จึงทำให้ไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกก็สามารถร่วมงานประชุมได้เสมือนร่วมงาน ณ สถานที่จริง ที่นับว่าเป็นการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกของไบเทค ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่การจัดงานต่างๆ จะมีการพัฒนาไปเป็นรูปแบบไฮบริด (Hybrid) มากขึ้น เพื่อลดความหนาแน่นของผู้มาร่วมงาน