BUSINESS

‘บริดจสโตน’ เผยแผนธุรกิจ 64 พร้อมเปิดตัวแท็กไลน์ใหม่ “Solutions for your journey” มุ่งสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน

บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด แถลงแผนธุรกิจประจำปี พ.ศ. 2564 ตอกย้ำความเป็นผู้นำของตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทย มุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าให้แก่ลูกค้าและสังคมไทยของทุกจุดหมายที่แตกต่างอย่างยั่งยืน ผ่านโซลูชั่นที่พัฒนาการเดินทางเพื่อความปลอดภัย ความมั่นใจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมเปิดตัวแท็กไลน์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย “Solutions for your journey

มร.เคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เปิดเผยว่า ปี พ.ศ. 2564 นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนสู่บริดจสโตน 3.0 โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและสังคม ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นหรือการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนสู่ปี พ.ศ. 2593 ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้พันธกิจขององค์กรว่า “รับใช้สังคมด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า” ซึ่งจะมีการกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจระยะกลางสู่ระยะยาวของบริดจสโตนทั่วโลกด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) ยกระดับความยั่งยืนจากความสามารถในการแข่งขันและพื้นฐานหลักของการดำเนินธุรกิจในทุกด้าน สู่การสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า 2) พัฒนาโซลูชั่นในการดำเนินธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตน: Bridgestone T&DPaaS (Bridgestone Tire and Diversified Products as a Solution) หรือช่องทางด้านการดำเนินธุรกิจเอกสิทธิ์เฉพาะ  ของบริดจสโตน เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศด้านการเดินทาง และ 3) สร้างโมเดลธุรกิจหนึ่งเดียวของบริดจสโตนและพัฒนาและเติบโตสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นด้านการเดินทางโดยใช้จุดแข็งของธุรกิจด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยาง

มร.เคอิจิ กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านของแผนการดำเนินธุรกิจของบริดจสโตนแบ่งออกเป็น 3 ยุค ได้แก่ บริดจสโตน 1.0 (Bridgestone 1.0) เริ่มในปี พ.ศ. 2474 บริดจสโตน 2.0 (Bridgestone 2.0) เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2531 และบริดจสโตน 3.0 (Bridgestone 3.0) เริ่มขึ้นในครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2563 สำหรับประเทศไทย จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ (Customer Centric) มีการรับฟังความต้องการ ตลอดจนศึกษาพฤติกรรม และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

มร.เคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด

สำหรับประเทศไทย บริดจสโตนมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ (Customer Centric) รับฟังความต้องการตลอดจนศึกษาพฤติกรรมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นผ่านนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงกับความพึงพอใจของลูกค้าในประเทศไทยโดยเฉพาะ ด้วยการนำกลยุทธ์ “Volume to Value” (จากปริมาณสู่คุณค่า) หรือ การสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านผลิตภัณฑ์ การบริการ และโซลูชั่นที่มาพร้อมกับความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการเดินทางให้ลูกค้า พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและช่วยสร้างผลกำไรให้พันธมิตรทางธุรกิจ

พร้อมกันนี้ บริดจสโตนได้เปิดตัวแท็กไลน์ใหม่ “Solutions for your journey” ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “โซลูชั่นของทุกจุดหมายที่แตกต่าง” บริดจสโตนร่วมอยู่เคียงข้างการเดินทางของผู้คนบนท้องถนน โดยหน้าที่ของเราคือการขับเคลื่อนทุกชีวิตไปสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมส่งมอบผ่านโซลูชั่นเพื่อให้ทุกชีวิตในสังคมปลอดภัย ตอบทุกโจทย์ความต้องการของคุณ…ของโลก…นับตั้งแต่วันนี้สู่อนาคตต่อไปข้างหน้า

นายบัณฑิต จันทรคณา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์นั่ง และรถบรรทุกขนาดเล็ก ส่วนงานการตลาดและกลยุทธ์ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยางรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็ก (Passenger Tire) คือ 1 ใน 2 โซลูชั่นของบริดจสโตน ประเทศไทย โดยจะเน้นเพื่อผู้บริโภคเป็นหลัก แบ่งได้ 3 โซลูชั่น ดังนี้

1) B-iTech คือ โซลูชั่นที่ทำให้ลูกค้าและคนในครอบครัวไร้ความกังวลขณะเดินทาง ด้วยอุปกรณ์วัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ (TPMS) เชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบบลูทูธเข้ากับแอปพลิเคชัน B-iTech ที่พัฒนาโดยบริดจสโตน สามารถตรวจสอบแรงดันลมยางที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับทุกคนได้ตลอดเวลา

2) B-24hrs คือ โซลูชั่นที่ช่วยในการติดต่อผ่าน Bridgestone Contact Center รวมถึงให้คำปรึกษาทุกปัญหา และมีช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำตอบตลอด 24 ชั่วโมง

3) B-Care คือ โซลูชั่นที่ปกป้องยางของลูกค้า หากได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ บาดบวม หรือไม่สามารถซ่อมแซมได้ (ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) พร้อมรับประกันเปลี่ยนยางเส้นใหม่ยกชุด 4 เส้นให้ทันที เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยในทุกการเดินทาง

นางนิสิตา ศิรธนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายตลาดผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial Tire) เป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นของประเทศไทย ซึ่งเน้นไปที่พันธมิตรทางธุรกิจ เพิ่มความปลอดภัยและความคุ้มค่าด้วยผลิตภัณฑ์ยาง “Bridgestone Ecopia” ที่สามารถประหยัดน้ำมันถึง 6% พร้อมยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

อีกทั้ง บริดจสโตน ประเทศไทย ได้ผลิต “ยางหล่อดอก” ซึ่งนำโครงยางเก่าไปหล่อดอกใหม่ด้วยมาตรฐานและการรับประกันจากบริดจสโตน สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ช่วยประหยัดต้นทุนและสิ่งแวดล้อม

Related Posts

Send this to a friend