ไทย สมายล์ บัส ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ประกาศจับมือพันธมิตร สร้างเครือข่ายขนส่งสาธารณะพลังงานสะอาด
วันนี้ (11 พ.ย. 67) ณ เรือนไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าเรือบุคคโล บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (สำนักงานใหญ่) จัดงานแถลงข่าว ประกาศจับมือพันธมิตรสร้างเครือข่ายขนส่งสาธารณะพลังงานสะอาดพร้อมเดินหน้าเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้โดยสารทั้งร้านอาหารเครื่องดื่มสปาร้านทำผมสถานที่ท่องเที่ยวเพียงแสดงบัตร HOP CARD ก็ได้รับส่วนลดไปเลยในทันที ภายใต้หัวข้อ “กรุงเทพมหานครขับเคลื่อนความร่วมมือ ด้วยใจที่ยั่งยืน สู่เมืองสร้างสุขให้ทุกคน” พร้อมการแสดงวิสัยทัศน์จากผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชน
นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวเปิดงานว่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้บริษัทมีโอการต้อนรับทุกท่าน สำหรับ TBS เพื่อโลก เพื่อสังคม เป็นการจับมือร่วมกันทั้งรัฐเอกชน พัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต เพื่อลูกหลานต่อไป หากพูดถึงความยั่งยืน การทำอยู่คนเดียวอย่าง EGS เป็นเพียงคำพูดที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ไม่ร่วมกันทำ ก็จะทำให้สำเร็จ ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาอันดีที่บันทึกประวัติศาสตร์ไทย ที่มีพันธมิตรมาร่วมมือกันให้เกิดความยั่งยืน โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเรื่องสิ่งแวดล้อมบุคลากรและธรรมาภิบาลเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม การขนส่งสาธารณะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะติดขัดทางด้านข้อกฎหมายและอื่น ๆ ดังนั้น จึงทำคนเดียวไม่พอ จึงต้องมีทางภาครัฐให้การสนับสนุน ตนเองตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมืออย่างแท้จริง โดยต้องบูรณาการข้อมูลกันระหว่างรัฐและเอกชน ให้ผู้โดยสารเดินทางสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมเชื่อว่าพลังงานสะอาดจะช่วยลดปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 รถติด เพราะคนจะหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้นและคนก็จะมีเวลาใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าวต่อว่า ก้าวที่สำคัญต่อไป คือการต่อยอดกับพันธมิตรในการรักษ์โลก โดยมีหลากหลายแบรนด์ดัง มามอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้คนหันมาใช้ระบบสาธารณะมากยิ่งขึ้น และขอประกาศรับพันธมิตรทุกท่าน ร่วมกันพัฒนาเพื่อโลก และสังคมของคนไทยทุกคน สร้างโลกใบนี้เพื่อลูกหลานของคนไทยทั้งประเทศ
นอกจากนี้ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี กรมการขนส่งทางบก ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ ”สู่ยุคใหม่ของระบบขนส่งมวลชนทางบก“ ว่า บริษัทได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดขนส่งสาธารณะโดยกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลเองก็มีนโยบายเพื่อหารถใหม่ให้กับประชาชนซึ่งทางบริษัทมีนโยบายเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งในปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านและมีพันธมิตรมากมายรัฐบาลอยากให้เป็นการเดินทางที่ไร้รอยต่อเชื่อมการจราจรทั้งทางบกและทางน้ำซึ่งทางบริษัทมีเรือไฟฟ้าให้บริการประชาชนสามารถเดินทางได้ 40 บาททั้งเรือและรถ
บริษัทประกาศเจตนารมย์ร่วมกับกลุ่มภาคีข อความร่วมมือสร้างสุขให้ทุกคน เห็นความร่วมมือใช้บัตรจับจ่ายใช้สอยได้ ตนเองขอแสดงความชื่นชมที่บริษัทมีความมุ่งมั่น หาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญในการบริการประชาชน และขอให้เจริญก้าวหน้าต่อไปรักษาคุณภาพมาตรฐานให้ประชาชนต่อไป
ด้านนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย กล่าวถึง TBS ที่มีแนวคิดในการรักสิ่งแวดล้อมและมีราคาที่สมเหตุสมผลทำให้ผู้คนหันมาสนใจใช้รถสาธารณะมากยิ่งขึ้น,
รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “กรุงเทพน่าอยู่ เมืองน่าอยู่” ว่า หนึ่งในนโยบาย หลักของผู้ว่า กทม. คือเมืองน่าอยู่ การเดินทางดี ซึ่งรถไฟฟ้ามีหลายสายแล้ว แต่ต้องเน้นย้ำว่าเส้นเลือดฝอยก็สำคัญ ตั้งกิโลเมตรแรกจากบ้านไปปากซอย จะต้องสามารถเดินได้ เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องทางเท้า ไฟในการส่องสว่าง ประชาชนมีตัวเลือกที่หลากหลายในการเดินทาง ให้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องพลังงานสะอาดเราได้เปลี่ยนรถของ กทม. ให้เริ่มใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการ และยังมีโครงการอื่น ๆ อีกมากมายที่สนับสนุนในเรื่องนี้
“ไทย สมายล์ บัส เป็นเพลย์เยอร์ที่สำคัญที่ทำให้ช่วยเรื่องพลังงานสะอด สิ่งที่ทำได้ ขอให้เจริญรุ่งเรือง และร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทำให้ กทม. เป็นเมืองน่าอยู่กับพวกเราทุกคน” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว
นางสาวเอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทางกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นจุดประสงค์หลักในการเดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งการขนส่งสาธารณะที่ดีนอกจากประชาชนจะได้รับผลประโยชน์แล้ว นักท่องเที่ยวก็ได้รับด้วย และการมีพลังงานสะอาดเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเมือง ให้บริการทั้งคนในประเทศ และผู้ที่มาเยี่ยมเยียนเรา ซึ่งทางเรามีพันธกิจในการทำให้การมาเที่ยวมีความหมาย เพื่อไปสู่การท่องที่ยวที่ยี่งยืน
นายกฤษณ์ รุยาพร ประธานกรรมการบริหาร Asia Pacific Innovation Center Co.,Ltd. กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “ผนึกกำลังเพื่อ ESG ที่ยั่งยืน” ว่า เรื่อง ESG มีการพูดถึงกันมาหลายครั้งแล้วแต่ที่ตนเองจะพูดในวันนี้คือเรื่อง Inner ESG คือการเปลี่ยนแปลงจากภายใน TSB เป็นต้นแบบของการเปลี่ยน ซึ่งข้างในต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกว่าช่วยตัวเรา และช่วยโลกให้ดีขึ้น ถ้ามาจากภายในจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อ มาร่วมมือกันจะทำให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ากับสังคมตนเองมองว่ามันจะกลายเป็นซอฟพาวเวอร์เล็ก ๆ
สำหรับตัวอย่างของสิทธิประโยชน์ที่ผู้ให้บริการจะได้รับเพิ่มเติม ถูกวางไว้หลายมิติ เช่น การหาซื้อบัตรโดยสารได้ง่ายขึ้น ผ่าน Tops Daily หลายร้อยสาขาทั่วกรุงเทพฯ, Vila Market 29 สาขา, ห้าง Riverside Plaza, ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM ไปจนถึงมิติไลฟิสไตล์ ที่จะมอบส่วนลดเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น TRUE ลูกค้าทรู ลดทันที 100 บาท เมื่อชื่อบัตรโดยสารท่องเที่ยว และลด 10% ในรูปแบบบัตร HOP Card ปกติ แบรนด์
เสื้อผ้าชั้นนำของคนไทย ‘ยึดเปล่า’ Yueddao. ร้านอาหารสมใจฟาร์ม ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมี ลด 25%, ลานกางเต็นท์ เจมส์ 500 ซิตี้แคมป์ ลด 25% ไปจนถึงกิจกรรม กิจกรรมบอร์ดเกม ลานละเล่น ลด 20% และส่วนลดอาร์ตทอยในร้าน BAM BAM TOYS เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายผลักดันยออดผู้ใช้งานบัตร HOP Cardจากปัจจุบันที่ราว 60,000 คน/วัน ให้ขยายตัวแตะระดับ 100,000 คน/วัน คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 25% ของผู้เดินทางที่ใช้รถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเครือ ไทย สมายล์ บัส
ขณะเดียวกัน ไทย สมายล์ บัส ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ในการสร้างการรับรู้ เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการให้ข้อมูลการท่องเที่ยวทางน้ำผ่านเรือโดยสารไฟฟ้า ไทย สมายล์ โบ้ท, การร่วมกับ ศูนย์กิจการสร้างสุข (SOOK) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จัดกิจกรรมส่งเสริมให้เยาวชน รู้ทันภัย..สร้างความปลอดภัยในชีวิต และรณรงค์เด็กไทยขึ้นรถขนส่งสาธารณะไฟฟ้า
นอกจากนี้ TSB ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล กรมการขนส่งทางบก และกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ปรับปรุงระบบการให้บริการ การแชร์ข้อมูลการให้บริการอย่างใกล้ชิด ด้วยแนวคิด “We can do the better together” เพื่อเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ว่า “ธุรกิจที่ยั่งยืน คือ ธุรกิจที่มองทุกอย่างระยะยาว และเริ่มจากการเป็นผู้ให้ ให้ประเทศ ให้สิ่งแวดล้อม ให้ผู้ใช้บริการ ให้พันธมิตร ให้พนักงาน”
ทั้งนี้ TSB ยังได้เปิดตัว บัตรโดยสารรูปแบบใหม่ HOP Travelling Card ที่มาในคอนเซป “One Card One Price Around BKK” ที่จะเป็นมิติใหม่ของความคุ้มค่าในการเดินทางด้วยรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า รองรับการโดยสารได้ถึง 20 เที่ยวต่อบัตรในราคา 450 บาท ตกราคาต่อเที่ยวเพียง 22.5 บาทเท่านั้น ซึ่งจำนวนจำกัดเพียง 5,000 ใบ ผลิตครั้งเดียวเท่านั้น โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติ จำกัดเพียง 5,000 ใบเท่านั้น