‘ศุภโชติ’ คาด กกพ.ชงค่าไฟงวดแรกปี 68 คงอัตราเดิมที่ 4.18 บาท

เสนอรัฐบาล เร่งเจรจาเอกชนลดค่าความพร้อมจ่าย-สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ช่วยให้มีตลาดพลังงานเสรีในระยะยาว
วันนี้ (12 พ.ย. 67) ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม – เมษายน 2568 โดยแบ่งการคิดค่าไฟฟ้าได้เป็น 3 กรณี คือ 5.49 บาทต่อหน่วย, 5.26 บาทต่อหน่วย และ 4.18 บาทต่อหน่วยเท่างวดที่ผ่านมา
ศุภโชติ กล่าวว่า แม้ภาพรวมค่าไฟฟ้าจะลดลงจากงวดก่อนหน้าด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นราคาเชื้อเพลิงโลกที่ลดลง การได้เปรียบทางอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ทำให้ต้นทุนในการซื้อเชื้อเพลิงลดลงไปด้วย แต่การที่ กกพ. เสนอค่าไฟเป็น 3 อัตรา เพราะรัฐยังมีหนี้ค้างเก่าประมาณ 1 แสนล้านบาท แม้จะลดลงมาจากงวดที่แล้วจนทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้บ้าง แต่ในท้ายที่สุดคาดว่ารัฐบาลน่าจะเคาะค่าไฟฟ้าออกมาเป็นตามกรณีที่ 3 คือคงค่าไฟไว้ที่ราคาเดิมแล้วจ่ายหนี้ได้นิดหน่อย เพราะหากคิดค่าไฟฟ้าแบบกรณีที่ 1-2 ย่อมหมายความว่าเป็นการจ่ายหนี้ทั้งหมด
ส่วนแนวโน้มค่าไฟปีหน้า เป็นเรื่องที่ยังคาดคะเนได้ยาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศ อุณภูมิที่สูงในช่วงฤดูร้อน ซึ่งถ้ามีความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นต้องจัดหาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นตามไปด้วย อีกปัจจัยคือสถานการณ์ในต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลางที่จะส่งผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิง หรือก๊าซธรรมชาติ ในตลาดโลกทั้งหมด และยังมีเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อค่าเงินบาทไทย
ทั้งนี้ พรรคประชาชนจึงมีข้อเสนอว่าในระยะสั้น รัฐบาลสามารถเข้าไปเจรจาแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างรัฐกับเอกชน โดยเฉพาะเอกชนที่เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างมาแล้วแต่ไม่ค่อยได้เดินเครื่อง เป็นค่าความพร้อมจ่ายที่ยังแฝงอยู่ในค่าไฟตลอด อย่างช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีโรงไฟฟ้ามากกว่า 7 โรงที่ไม่ได้เดินเครื่องเลย แต่เรายังต้องจ่ายเงินให้เดือนละ 2,500 ล้านบาทฟรีให้โรงไฟฟ้าพวกนี้ และรัฐควรเข้าไปเจรจากับเอกชนให้ลดค่าความพร้อมจ่ายลง
ข้อเสนอต่อมาคือไม่ควรมีการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเพิ่ม เพราะอ้างอิงจากราคาตลาดโลกที่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ควรมีการสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ที่มีความสามารถทำได้แบบเดียวกับโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซธรรมชาติแต่มีราคาที่ถูกกว่า ไม่ต้องอ้างอิงกับราคาเชื้อเพลิงของตลาดโลก
ส่วนในอนาคต ไทยควรเปิดตลาดพลังงานเสรี เพราะทุกการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างรัฐกับเอกชน ภาระทั้งหมดจะส่งไปให้กับประชาชนหรือแฝงอยู่ในบิลค่าไฟของทุกคน ถ้ารัฐบาลวางแผนหรือกำหนดนโยบายผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมาจนมีโรงไฟฟ้าล้นเกินจะทำให้ค่าไฟของทุกคนสูงขึ้น ต้นทุนค่าไฟก็บวมขึ้นจากการสร้างโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น การมีตลาดพลังงานเสรีในระยะยาวจะทำให้โรงไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นในจำนวนที่เหมาะสมตามกลไกตลาดในภาคพลังงาน