BUSINESS

สิงห์ เอสเตท คว้ารางวัล Thailand’s Most Admired Company สาขาความรับผิดชอบต่อสังคม

สิงห์ เอสเตท ได้รับรางวัล Thailand’s Most Admired Company สาขา “ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate CSR)” ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจ 2022-2023 Thailand’s Most Admired Company ของนิตยสาร BrandAge โดยในปีนี้มีคะแนนรวมเป็น TOP 3 ของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ของทุกฝ่ายในองค์กรของเรา ซึ่งพยายามส่งมอบคุณค่าสู่สังคมไทยเสมอมา และนับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่เราได้รับคู่กับบริษัทแม่ คือบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ซึ่งได้รับรางวัล Best Corporate CSR มาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของสิงห์ เอสเตท แม้ยังถือเป็นบริษัทน้องใหม่ ที่ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 แต่ก็สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมั่นคงจากผลประกอบการที่ดี มาอย่างต่อเนื่อง รางวัลนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตี ถึงความตั้งมั่นในปณิธานของบริษัทแม่ตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจ ในการสานต่อพันธกิจการรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมมอบคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายรวมถึงการสร้างสรรค์สังคมที่ดี ให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับการดำเนินกิจการด้านสิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์แผนธุรกิจระยะยาว สิงห์ เอสเตท ได้กำหนดเป้าหมายในการกำกับดูแล กระบวนการทำงานตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Sustainable Diversity-สร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยแบ่งเป้าหมายหลักเป็น 3 ด้านดังนี้

1.การสร้างสรรค์สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ CN ภายในปี 2030 โดยกำหนดแผนลดการปล่อยคาร์บอนลงร้อยละ 5 ต่อปี พร้อมนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เข้ามาทดแทนพลังงานจากฟอสซิล ให้ได้มากที่สุด อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโครงการโรงแรม พร้อมทั้งตั้งเป้าดูแลพื้นที่ดูดซับคาร์บอนในอัตราส่วน 1:1 กับพื้นที่ก่อสร้างโครงการ โดยมีเป้าหมายที่ 1 ล้านตารางเมตรภายใน 10 ปี ทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อดำเนินโครงการปลูกป่าที่สิงห์ปาร์ค เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแผนการสร้างชุมชนน่าอยู่ “S District” ในบริเวณที่มีอาคารสำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง

2.การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่ความสมบูรณ์สูง (Key Biodiversity Area)ในส่วนธุรกิจโรงแรมที่บริหารโดย SHR ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสิงห์ เอสเตท ได้กำหนดให้มีโครงการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติรอบโครงการ รวมถึงโครงการสร้างศูนย์การเรียนรู้ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในพื้นที่

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 โครงการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากโดยสิงห์ มีโอกาสร่วมสนับสนุนโครงการของพันธมิตรระดับโลก และหน่วยงานระดับประเทศหลายแห่ง อาทิ โครงการขยะทะเลร่วมกับองค์กร Parley ที่ Crossroads Maldives หรือโครงการศูนย์เรียนรู้ทางทะเล และป่าชายเลนน้ำใสที่โรงแรม SAii Phi Phi ร่วมกับอุทยานแห่งชาติและ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในปี 2022 มีสัตว์ทะเลหายากในบัญชี IUCN Red List ซึ่งมีสถานะตั้งแต่ “มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable)” ไปจนถึง “ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endanger)” ถูกสำรวจพบในบริเวณโครงการมากถึง 21 ชนิด ซึ่งทั้งหมดถูกพบในพื้นที่ ภายใต้โครงการอนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพภายใต้ชื่อ “SeaYouTomorrow”

3.การส่งเสริมความหลากหลายทางเชื้อชาติ และการสร้างภูมิสังคมที่ยั่งยืน (Inclusive Society)สิงห์ เอสเตท มีธุรกิจที่หลากหลายและฐาน การดำเนินงานในหลายประเทศ ทั้งยังมีพนักงานจากหลายชาติหลายภาษา ร่วมทำงานเป็นทีมเดียวกัน ดังนั้นบริษัทฯจึงดูแลทรัพยากรมนุษย์ บนบรรทัดฐานด้านสิทธิมนุษยชนในระดับสากล เพื่อรักษาความเท่าเทียม พัฒนาความรู้ความสามารถ และสร้างโอกาสให้พนักงานทุกคน สามารถสร้างงานและรายได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเคารพในวัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนาของชุมชนในท้องถิ่นที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมีการกำกับดูแลพันธมิตร คู่ค้า ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล

“นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังให้ความสำคัญในการสนับสนุน กีฬาคนพิการอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้สนับสนุนโครงการศูนย์ฝึกนักกีฬา Boccia และมอบทุนนักกีฬาเพื่อส่งมอบกำลังใจ ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย การสานต่อพันธกิจในด้าน ความรับผิดชอบต่อสังคมนั้น จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ของฝ่ายบริหารที่ชัดเจน ทุกคนต้องเห็นภาพและมีเป้าหมายเดียวกัน ตั้งแต่ระดับกรรมการไปจนถึงหัวหน้างาน ที่สอดคล้องกันในทุกขั้นตอน”

“เพื่อให้พนักงานเข้าใจว่าธุรกิจ กำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน ความท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือการเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง มีสภาวะการแข่งขันสูง ซึ่งส่งผลให้เกิดความผกผัน จากผลประกอบการที่สูงด้วยเช่นกัน เราจึงต้องสร้างดุลยภาพระหว่างการสร้างผลกำไร กับการตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยต้องพิจารณาห่วงโซ่มูลค่าทั้งหมด เพื่อค้นหาว่า Give and Take อยู่ตรงไหน เพื่อให้เราเติบโตทางธุรกิจ ไปพร้อมกับด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

Related Posts

Send this to a friend