ASEAN

รมว.กลาโหมกัมพูชา กระตุ้นความพยายามรับมือความท้าทายด้านความมั่นคงต่อ ‘อาเซียน’

รมว.กลาโหมกัมพูชา กระตุ้นความพยายามรับมือความท้าทายด้านความมั่นคงต่อ ‘อาเซียน’

เสียมราฐ, กัมพูชา – เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565 พลเอกเตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เรียกร้องความพยายามร่วมกันและความเป็นหนึ่งเดียวในการจัดการความท้าทายหลักต่อความมั่นคงในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน

พลเอกเตีย บัญกล่าวระหว่างการเปิดการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ADMM Retreat) ว่าปัจจุบันภูมิทัศน์ความมั่นคงในภูมิภาคและทั่วโลกยังคงเปราะบาง และทวีความผันผวน ขณะอาเซียนอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และกำลังก้าวเข้าสู่ความปกติใหม่

“เราเผชิญภยันตรายมากมายพร้อมกัน ซึ่งคุกคามความมั่นคงและความเป็นหนึ่งเดียวของภูมิภาคและประชาชนของเราอย่างร้ายแรง” พลเอกเตีย บัญกล่าว


“ความท้าทายทั้งหมดนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของความพยายามร่วมกัน และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มกระทรวงกลาโหมอาเซียน เพื่อร่วมกันจัดการความท้าทายข้างต้น เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าไม่มีประเทศใดสามารถรับมือความท้าทายระดับโลกได้เพียงลำพัง”

พลเอกเตีย บัญ ซึ่งดำรงตำแหน่งหนึ่งในรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนในปีนี้และการประชุมที่เกี่ยวข้องภายใต้หัวข้อ “ความเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคงที่กลมกลืน” (Solidary for Harmonized Security) ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการรับมือความท้าทายในภูมิภาค

พลเอกเตีย บัญเชื่อว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ จะเสริมสร้างความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อเอกภาพและความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และรับประกันว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน จะยังคงมีบทบาทนำการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรภายนอกในทุกด้าน

นอกจากนั้นพลเอกเตีย บัญเสริมว่าช่วง 16 ปีที่ผ่านมา การประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนได้กลายเป็นเวทีที่มีประโยชน์สำหรับการเจรจาเชิงกลยุทธ์ การสร้างความเชื่อมั่น และความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของอาเซียน

อนึ่ง อาเซียนประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

ที่มา: สำนักข่าวซินหัว

Related Posts

Send this to a friend