ชาวนาลุ่มน้ำกก 3 แสนไร่ หวั่นแช่สารพิษระหว่างดำนา จี้ รัฐแจงผลตรวจน้ำ-ดินให้ชัด

ชาวนาลุ่มน้ำกก 3 แสนไร่ หวั่นแช่สารพิษระหว่างดำนา จี้รัฐแจงผลตรวจน้ำ-ดินให้ชัด ผวจ.เชียงรายเผยตรวจคุณภาพน้ำ-ตะกอนดินได้ไม่ต่อเนื่องเหตุข้อจำกัดด้านห้องปฎิบัติการ
วันนี้ (29 เม.ย. 68) นายวรวัฒน์ เดชวงค์ยา สาธารณสุขอำเภอแม่อาย เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดจากน้ำกกปนเปื้อนสารโลหะหนักว่า ขณะนี้ยังไม่พบปัญหา มีอยู่รายหนึ่งที่หาปลาและเป็นผื่นแพ้ ที่บ้านผาใต้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุอื่นมากกว่าการสัมผัสแม่น้ำกก ตอนนี้ได้ตรวจลำน้ำกก จากจุดเริ่มต้นแนวเขตไทย ถึงเชียงราย ผลแล็บออกมาว่าการปนเปื้อนที่จุดพรมแดนมีค่าสูงกว่า และจางลง จุดแรกที่ 0.026 มก./ลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร) จุดสอง 0.012 และสาม 0.013 ซึ่งค่าปกติไม่เกิน 0.01
นายวรวัฒน์กล่าวว่าสำหรับการแจ้งเตือนประชาชนนั้นคือไม่ให้ใช้น้ำกกในการอุปโภคบริโภค และมีการตรวจเป็นระยะ และสุ่มตรวจจากประชาชน ตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลแล็ปยังไม่ออก สำหรับการตรวจการปนเปื้อนในปลาและสัตว์น้ำ ต้องสอบถามประมงเชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ที่แจ้งเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังจะยาวนานไปถึงเมื่อไหร่ มีการปนเปื้อนสารอื่นๆ ที่สำนักงานสาธารณสุขเป็นห่วงหรือไม่ นายวรวัฒน์กล่าวว่า มีการตรวจตะกั่ว สารหนู สำหรับแอมโมเนียและโคริฟอร์มแบคทีเรีย ตรวจพบที่เชียงราย คาดว่ามาจากชุมชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติได้อย่างไร สาธารณสุขแม่อายกล่าวว่า ต้องดูความเข้มข้นของการชะล้างลงมาจากแหล่งในประเทศเพื่อนบ้าน ทราบว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ในพื้นที่จะประสานเรื่องการทำเหมืองให้ทำอย่างถูกต้อง ส่วนประชาชนที่ท่าตอน หากรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือเกี่ยวข้อกับการใช้น้ำมีอาการผิดปกติ จะมีการเฝ้าระวังเชิงรุก
เมื่อถามอีกว่าใกล้ฤดูฝน หากเกิดฝนหนัก โคลนไหลลงมาอีกจะมีสารพิษลงมาหรือไม่ นายวรวัฒน์กล่าวว่าต้องให้ทางหน่วยงานอุตสาหกรรมแจ้งไปยังเหมือง สำหรับการตรวจสารที่มีอันตรายต่อสุขภาพนั้น เรามีการตรวจตลอดอยู่แล้วจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีการตรวจทุกเดือน จากที่ปกติตรวจเพียงปีละ 1 ครั้ง
ด้าน นายชาญชัย ศรีวชิรพันธ์ สมาชิกมูลนิธิร่มโพธ์ กล่าวว่า แม่น้ำกกตอนบนบริเวณอำเภอแม่อาย น้ำที่ขุ่นทำให้ปลาหายไปจากแม่น้ำ แต่พบว่าขณะนี้ในน้ำฝางที่ยังใสอยู่นั้น ชาวบ้านจับปลาได้มากขึ้น น่าจะเกิดการหนีสภาพน้ำกกที่ขุ่นและไม่เหมาะแก่การอาศัยขึ้นไปยังน้ำฝาง สภาพแบบนี้แปลกไปจากปกติ เพราะที่ผ่านมาน้ำกกจะใส และหน้าแล้งน้ำจะอยู่ระดับต่ำกว่านี้ ประมาณ 30-40 ซม. โดยเฉลี่ย
“เหนือน้ำกกเมืองสาดเมืองยอนนอกจากมีการทำเหมืองก็ยังปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทั้งข้าวโพดและยางพาราเป็นจำนวนมาก ทำให้ดินไม่ซับน้ำและมีเหมืองทำให้มีโคลนและสารพิษไหลลงมากับน้ำด้วย ในพื้นที่เกษตรบ้านเราก็มีการใช้เคมี แต่มีการควบคุมและพยายามให้ลดการใช้ แต่ไม่แน่ใจว่าพื้นที่ต้นน้ำประเทศเพื่อนบ้านใช้สารเคมีหนักมากแค่ไหน ทำให้เกิดความกังวลต่อคนลุ่มน้ำกกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งสำหรับดินโคลนที่มากับแม่น้ำกกในน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้การปลูกพืชริมน้ำกกให้ผลผลิตน้อยลง เห็นได้ชัดจากการปลูกกระเทียมหัวจะเล็กลง และดินโคลนที่เข้าทับถมพื้นที่เกษตรในชุมชนริมน้ำกกนั้นมีลักษณะต่างจากดินโคลนหน้าน้ำหลากที่ผ่านๆ มา เพราะมีลักษณะเหนียวเกาะตัวแน่น การขุดการไถยากมาก ใช้จอบขุดบางทีไม่เข้าเลย ไม่เหมือนที่ผ่านมาที่เป็นหน้าดินทำให้ที่เป็นปุ๋ยที่ดีในแปลง ตอนนี้เกษตรกรในพื้นที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไรกับความเสียหายจากดินโคลนในแปลงเกษตรตอนนี้ รวมถึงเรื่องน้ำที่มีสารปนเปื้อนจะส่งผลอย่างไร” นายชาญชัย กล่าว
ขณะที่ชาวบ้านกลุ่มสภาเกษตรกรเชียงรายได้นัดรวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ พร้อมทั้งแสดงความกังวลต่อสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก โดยนายเกษม วงค์สุภา เกษตรกรในอำเภอแม่จัน รองประธานสภาคนที่ 2 กล่าวว่า นอกจากชาวนาจังหวัดเชียงรายกำลังกังวลเรื่องราคาข้าวที่ตกต่ำที่ต้องมายื่นหนังสือร้องผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ชาวนาที่ทำเกษตรในพื้นที่ริมน้ำกกหลายอำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.แม่จัน อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.ดอยหลวง และเชียงแสน
“เกษตรกรลุ่มแม่น้ำกกประมาณ 3 แสนไร่ ถ้าลงไปดำนา ถ้าชาวนามีแผล และเมื่อแผลสัมผัสน้ำ อยากให้หน่วยราชการที่ตรวจคุณภาพน้ำและสารปนเปื้อนให้แจ้งแต่ละอำเภอ ให้นายอำเภอได้แจ้งในที่ประชุมประจำเดือนของส่วนราชการและกำนันผู้ใหญ่บ้าน เริ่มตั้งแต่ในเขตเทศบาลนคร ประปาจากน้ำกกไปทำประปาตั้งแต่ตำบลบ้านดู่ การทำนาใช้น้ำกกโดยตรงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ กับการขุดน้ำบาดาล อยู่ที่ระดับ 30 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่เกษตรก็มีชาวบ้านขุดบ่อเลี้ยงปลาด้วยส่วนหนึ่ง และในบางแปลงในฤดูทำนาก็มีการปล่อยปลาในนาข้าว และมีความกังวลว่าสัตว์ที่ไปกินน้ำในน้ำกก เช่น วัว ควาย จะมีอันตรายอย่างไรหรือไม่” รองประธานสภาเกษตรกร กล่าว
นายเกษมกล่าวว่า ฉะนั้นเกษตรกรในพื้นที่จึงต้องการให้หน่วยงานแจ้งข้อมูลอย่างเป็นทางการให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วยเกี่ยวกับเรื่องสารเคมีปนเปื้อน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายถึงแนวทางการตรวจคุณภาพน้ำหาสารเคมี หรือสารหนูปนเปื้อนในแผนการดำเนินการในแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย ที่มีการทำเหมืองที่แหล่งต้นน้ำทั้งสองสาย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวว่า การตรวจคุณภาพน้ำหาโลหะหนักปนเปื้อนและตะกอนดินในแม่น้ำในเชียงราย ตอนนี้สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ (คพ.1) ได้ดำเนินได้เพียงแม่น้ำกก ส่วนแม่น้ำสายยังไม่สามารถตรวจได้ในปีนี้ เนื่องจากขณะนี้ได้รับแจ้งจากทางสำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (ทส.เชียงราย) มีข้อจำกัดในห้องปฏิบัติการเพราะขณะนี้ดำเนินการตรวจตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในลำน้ำกก จึงยังไม่สามารถตรวจซ้ำและต่อเนื่องในลำน้ำสายได้
“อย่างไรก็ตามทางจังหวัดเชียงรายได้ดูแลอย่างใกล้ชิด และได้ให้ทางประมงจังหวัดเก็บตัวอย่างปลาในน้ำกก และบ่อปลา แปลงเกษตรที่ใช้แม่น้ำกกที่ได้ส่งตรวจแลปเอกชน เพื่อให้ทราบผล เพราะการตรวจตรวจอย่างตะกอนดิน คุณภาพน้ำ และสัตว์น้ำมีความจำเป็นเพื่อให้รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป และจำเป็นต้องต่อเนื่องเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาในแต่ละเรื่องในลำดับต่อไป” นายชรินทร์กล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในขณะนี้แลปที่ตรวจสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำ ตะกอนหน้าดิน และในสัตว์น้ำในเชียงรายยังไม่สามารถทำได้ แลปวิทยาศาสตร์ใน มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ตรวจได้เพียงคุณภาพน้ำประปาชุมชน ทำให้มีข้อจำกัดในการตรวจสอบหาภาวะปนเปื้อนในแต่ละตัวอย่างจากพื้นที่ที่จะวิเคราะห์ปัญหาที่มีตอนนี้ได้ จากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีความเห็นใจพ่อค้าแม่ค้าริมน้ำกกที่ขาดทุนในช่วงเทศกาลจากการท่องเที่ยวริมน้ำกกที่เงียบเหงา แต่จำเป็นในเรื่องสุขภาพของประชาชนเมื่อผลการตรวจสภาพน้ำออกมาเช่นนี้ โดยตนไม่ได้ห้ามสัมผัสแต่เป็นคำแนะนำให้งดสัมผัสเพื่อเลี่ยงสารเคมีที่เป็นอันตราย
ด้าน นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับมองหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานการแก้ไขปัญหาคุณภาพแม่น้ำกกพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยได้ประชุมหารือเตรียมการคณะทำงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อเตรียมการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ แม่น้ำข้ามพรมแดน ลุ่มน้ำโขงเหนือ ที่จะจัดประชุมในต้นเดือนพฤษภาคมนี้