AROUND THAILAND

กกพ. เคาะขึ้นค่าเอฟทีปีหน้า 1.39 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 4.63% จากงวดปัจจุบัน

ตามราคาพลังงานโลก ส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย หลังตรึงค่าเอฟทีรับมือโควิด-19 นานกว่า 2 ปี เปิดรับฟังความคิดเห็นทางเว็บไซต์ กกพ. ตั้งแต่วันที่ 19- 25 พฤศจิกายน ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม – เมษายน 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่จะเรียกเก็บจากบิลค่าไฟ อยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 4.63% จากงวดปัจจุบัน

กกพ. ให้เหตุผลการปรับเพิ่มว่า มาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง การนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศในส่วนของพลังน้ำลดลงตามฤดูกาล และการผลิตไฟฟ้าจากถ่านลิกไนต์ลดลงตามแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ส่งผลให้สามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนราคาถูกลดลง ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นมากตามภาวะราคาน้ำมันขาขึ้นในตลาดโลก และปริมาณนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มากขึ้น เพื่อทดแทนปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงปลายสัมปทาน ทำให้ค่าเอฟทีในงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2565 ค่าจริงจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 48.01สตางค์ต่อหน่วย โดยกกพ.ได้ปรับวิธีคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยตลอดปีเพื่อทยอยขึ้นเป็นขั้นบันได

ทั้งนี้ กกพ.ได้พิจารณานำเงินบริหารจัดการค่าเอฟทีและเงินเรียกคืนฐานะการเงินจากการไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมด มาลดผลกระทบของการปรับค่าเอฟทีครั้งนี้กว่า 5,129 ล้านบาท และนำเงินผลประโยชน์ของบัญชีเงินที่จ่ายค่าก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าตามปริมาณก๊าซตามสัญญาไปก่อน (Take or Pay) ของแหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา จำนวนเงิน 13,511 ล้านบาท รวมเป็นเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบการปรับขึ้นค่าเอฟทีทั้งหมด 18,640 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือน
มกราคม – เมษายน 2565 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 19 – 25 พฤศจิกายน 2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

ภาพ: แฟ้มภาพ

Related Posts

Send this to a friend