ปิดภารกิจ เคลื่อนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์กว่า 1 ล้านลิตร ออกจาก ‘หมิงตี้ เคมีคอล’
ปิดภารกิจ! 6 วันกับการเคลื่อนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์กว่า 1 ล้านลิตร ออกจากโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ซ.กิ่งแก้ว 21 ผู้เชี่ยวชาญยืนยัน พื้นที่โดยรอบปลอดภัยแล้ว ด้านผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เผยเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทั้งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และผู้ประกอบการพร้อมรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด
วันนี้ (16 ก.ค. 64) เวลา 17.30 น. รถขนย้ายสารเคมีของบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) เที่ยวที่ 74 ได้เคลื่อนออกจากโรงงานหมิงตี้เคมีคอล โดยเป็นการขนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์เที่ยวสุดท้าย ถือเป็นการปิดภารกิจการควบคุมเหตุการณ์ระเบิดโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้สารสไตรีนโมโนเมอร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในถัง ประมาณ 913 ตัน หรือกว่า 1 ล้านลิตร ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปทั้งหมดแล้ว
นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) ผู้ควบคุมปฏิบัติการขนย้ายสารเคมี เปิดเผยกับ The Reporters ว่า การดำเนินการขนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์ ใช้เวลาทั้งหมด 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 64 โดยตอนแรกคาดการณ์ว่ามีสารอยู่ 600 ตัน จะใช้เวลา 5 วัน แต่ภายหลังพบว่ามีจำนวนสารมากกว่า 1,000 ตัน จึงต้องปรับแผนในการขนย้ายโดยเพิ่มท่อส่งและเครื่องปั๊มแรงดันให้ขนย้ายสารได้เร็วยิ่งขึ้น
“ขณะนี้ประชาชนโดยรอบสบายใจได้แล้วว่าสารทั้งหมดได้ถูกขนย้ายออกจากพื้นที่ และยังได้เติมน้ำเข้าไปในถังเพื่อทำความสะอาดและสูบออกไปด้วย รวมถึงจะดูดสารที่ตกค้างในท่อส่งออกไปกำจัดทั้งหมด ไม่ให้เหลือสารเคมีตกค้าง ส่วนน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารสไตรีนโมโนเมอร์ ได้ดำเนินการสูบออกไปกำจัดเรียบร้อยแล้ว”
โดยในวันพรุ่งนี้ ทางบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) จะเข้ามาเก็บงาน สูบน้ำเสียที่มีคราบน้ำมันปนเปื้อน และเคลียร์พื้นที่ทั้งหมด เพื่อส่งคืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการรื้อถอนทำลายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสารเคมีชนิดอื่นๆ ตกค้างอยู่ภายในโรงงาน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีฤทธิ์กัดกร่อน แต่ไม่ทำให้เกิดการระเบิดได้ จึงไม่มีอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่แล้ว โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสาเหตุ และบริษัทประกันเข้ามาประเมินความเสียหายแล้ว บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการขนย้ายสารเคมีเหล่านี้ออกไปกำจัดเช่นกัน
ส่วนสภาพอากาศ น้ำ และดิน ในบริเวณโดยรอบ กรมควบคุมมลพิษได้เข้ามาตรวจสอบทั้งหมดแล้ว พบมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย แต่ขอให้ประชาชนระมัดระวัง พยายามเลี่ยงการสัมผัสน้ำเสีย เพราะอาจมีน้ำที่ปนเปื้อนไปขังอยู่ในจุดต่างๆ ตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ แต่ยืนยันว่าค่าที่ตรวจวัดได้ไม่เกินมาตรฐาน
สำหรับความกังวลของการขนย้ายสาร ว่าจะนำไปกำจัดอย่างปลอดภัยหรือไม่ นายศุภวัฒน์ กล่าวว่า สารเคมีประเภทนี้เป็นสารอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ เมื่อเผาทำลายแล้ว ก็ไม่มีขี้เถ้า จะเหลือเพียงคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาเรื่องมลพิษ ทั้งนี้ อัคคีปราการ ได้เคยทำ EIA ตั้งแต่ตอนออกแบบก่อสร้างโรงงาน ซึ่งสารสไตรีนโมโนเมอร์ก็อยู่ในกลุ่มสารที่ผ่านการประเมินแล้วว่าสามารถกำจัดได้โดยไม่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบ
ด้าน นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะเข้ามาเก็บหลักฐานเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ และดำเนินการทางคดีต่อไป ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขณะนี้มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งในส่วนของประชาชนและโรงงานอุตสาหกรรม เข้ามาแจ้งความแล้วกว่า 2 พันราย พบมีบ้านเรือนเสียหาย 1 พันกว่าหลัง ยานพาหนะประมาณ 130 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนบาท
โดยส่วนของการเยียวยานั้น ในระดับอำเภอได้มีการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนตามที่ร้องขอ ส่วนระดับจังหวัดก็มีการขอกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และส่วนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้รับความช่วยเหลือจากภาคเอกชน เช่น สมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทยมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 2.5 ล้าน ทั้งนี้ บริษัทแม่ของโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ที่ไต้หวัน ก็ยืนยันว่าพร้อมจะรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด