AROUND THAILAND

กทม. แจง จัดซื้อจัดจ้าง ‘ปรับภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี’ เป็นไปตามเกณฑ์

เคาะราคากลางเฟส 3 ที่ 370 ลบ. ย้ำบำบัดน้ำเสียได้จริง-แนวรถไฟฟ้าสีเทา ไม่กระทบพื้นที่โครงการแน่นอน

วันนี้ (16 ธ.ค.64) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางสาวกชกร วรอาคม ภูมิสถาปนิก นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง นายสมชาย เตชากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักการวางแผนและพัฒนาเมือง นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม และนายสมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ร่วมแถลง ชี้แจงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับโครงการปรับภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี ที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 25 ธ.ค.นี้

ร.ต.อ.พงศกร กล่าวถึงการใช้งบประมาณการก่อสร้างในโครงการปรับภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี ว่า งบประมาณระยะที่ 3 (เฟส 3) ที่เพิ่งตั้งราคากลางเสร็จไป ใช้งบประมาณ 370 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณด้านโครงสร้าง 182 ล้านบาท ส่วนงบประมาณไฟฟ้า และการตกแต่งประมาณ 188 ล้านบาท ส่วนงบประมาณในการบำรุงในโครงการปรับภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี มีทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ งบทำความสะอาดโดยสำนักงานเขต งบปลูกต้นไม้ และงบในการระบายน้ำ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดสรรเพิ่ม

สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างระยะที่ 2 มีผู้มาร่วมประมูลหลายบริษัท แต่มีผู้ที่เสนอราคาประมูลอยู่บริษัทเดียว และประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 700,000 บาท จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเอกชนนี้ เคยเป็นคู่สัญญากับกรุงเทพมหานคร (กทม.)ในระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ 2544-2564 มูลค่า 2,300 ล้านบาท จะเป็นการเอื้อประโยชน์กับเอกชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ นายไทวุฒิ กล่าวว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เพราะมีผู้ที่มาเสนอราคาแค่รายเดียว ทุกคนมีสิทธิซื้อ ทุกคนมีสิทธิประมูล ย้ำว่า การคำนวณราคากลางปฏิบัติตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีการเลือกภูมิสถาปนิก ที่มาออกแบบโครงการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งนางสาวกชกร ตอบว่า ตนเองช่วยงานของ กทม.มากว่า 10 ปี ไม่คิดว่าค่าตอบแทนจะเป็นสิ่งที่จะทำให้ต้องมาทำงานอยู่ตรงนี้ เพราะอยากใช้ความรู้ที่เรียนการออกแบบเมืองและสิ่งแวดล้อมมา

“ทำทุกงานต้องได้สตางค์หรอ เพียงแค่อยากให้โลกรู้จักวิชาชีพภูมิสถาปนิกที่เป็นวิชาชีพใหม่ ทำความเข้าใจว่าไม่ใช่แค่คนจัดสวน พร้อมส่ง CV ให้ดูได้เลยว่าที่ผ่านมาทำอะไรบ้าง”

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวถึงแนวทางการระบายน้ำ และการบำบัดน้ำเสียในโครงการว่า คลองช่องนนทรียังคงเป็นแก้มลิง โดยด้านล่างจะเป็นสถานีสูบน้ำช่องนนทรี มีกำลังสูบ 30 ลูกบากศ์เมตร/ วินาที และได้ขุดลอกคลองช่องนนทรีจากเดิม 2 เมตร เป็น 3.50 เมตร ทำให้คลองช่องนนทรีเป็นแก้มลิงกักเก็บน้ำได้มากขึ้น ส่วนของสถานีบำบัดน้ำเสีย จะรับน้ำเสียจากยานนาวา บางรัก และบางคอแหลม สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 200,000 ลบม./วัน โดยคลองช่องนนทรีจะมีท่อรวบรวมน้ำเสียอยู่ใต้คลอง และมีบ่อรับน้ำเสียอยู่ 2 ฝั่งถนน เพื่อไม่ให้น้ำเสียลงคลองช่องนนทรี สำหรับน้ำที่จะบำบัดที่โรงบำบัดน้ำเสียช่องนนทรี ต้องมีค่าคุณภาพน้ำ หรือ D.O. มากกว่า 5 มิลลิกรัม/ลิตร แต่โรงบำบัดนี้สามารถบำบัดได้ถึง 6 – 8 มิลิกรัม/ลิตร และมีกำลังบำบัดอยู่ที่ 140,000 ลบม./วัน

นายประพาส ชี้แจงถึงกรณีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทา ที่อาจมีการทับซ้อนกับโครงการคลองช่องนนทรีไว้ว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทา จะใช้พื้นที่การเดินรถของ BRT เดิม ซึ่งจะไม่มีการรื้อสวนนี้ ส่วนที่หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่รอให้รถไฟฟ้าสายสีเทาสร้างให้เสร็จก่อน แล้วจึงค่อยปรับสวนสาธารณะ เพราะ จะมีปัญหาเรื่องค่าเสียโอกาส เกี่ยวกับการพัฒนาผังเมืองและการระบายน้ำ โดยปัจจุบันการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทาอยู่ระหว่างการจ้างจัดทำรายงาน ประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA)

โดยในที่ประชุมชี้แจงดังกล่าว มีตัวแทนจากพรรคก้าวไกลเดินทางมาร่วมรับฟัง แต่ได้มีการเชิญให้ออกจากห้องประชุม โดยให้เหตุผลว่า ไม่อนุญาตให้พรรคการเมืองเข้าร่วม และผู้ที่จะเข้าร่วมต้องลงทะเบียนมาก่อนล่วงหน้า

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา อนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีมีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เป็นประธาน ได้เชิญ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาชี้แจงรายเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ เป็นรอบที่ 2 แต่พล.ต.อ.อัศวิน ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเองแต่อย่างใด

TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ช่องนนทรี #โครงการคลองช่องนนทรี #โครงการปรับภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี

Related Posts

Send this to a friend