AROUND THAILAND

มท.1 ให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย-เจ้าหน้าที่ ที่เชียงราย

กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเฝ้าระวังน้ำท่วม จับตาพื้นที่แผ่นดินไหว

วันนี้ (15 ส.ค. 65) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ อ.แม่จัน และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อนมู่หลาน เมื่อช่วงวันที่ 11-13 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะใน อ.แม่จัน และ อ.แม่สาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายอายุ 38 ปีจากไฟฟ้าช็อตเพราะติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมเสียหายจำนวนมาก

พล.อ.อนุพงษ์ และคณะผู้บริหารจากกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รายงานสรุปสถานการณ์ ที่ระบุว่า สถานการณ์ในครั้งนี้มีปริมาณน้ำฝนและน้ำในแหล่งน้ำ แม่น้ำสากล จากประเทศเพื่อนบ้าน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงพายุก็มาพาดผ่าน จ.เชียงราย ทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมเยอะ ทางจังหวัดได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและประกาศแจ้งเตือนประชาชนก่อนเกิดเหตุ มีบางส่วนคาดการณ์ว่าน้ำจะไม่มากจึงยังไม่อพยพ แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดปรากฎว่ามีปริมาณน้ำมาก และเป็นน้ำป่าที่มีความเชี่ยวกราด มาพร้อมโคลนแดง ทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่

พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยน้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปกติสุขโดยเร็วมาเป็นหลักปฏิบัติ ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นการให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

พล.อ.อนุพงษ์ เผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ย้ำเตือนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝนไว้แล้ว ทั้งการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ พร้อมจัดทำแผนเผชิญเหตุให้มีความพร้อมในทุกด้านด้วย

นายภาสกร บุญญลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายเกิดสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2565 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยรวม 10 อำเภอ 38 ตำบล 262 หมู่บ้าน มีครัวเรือนได้รับความเสียหาย 1,382 ครัวเรือน พื้นที่ทำการเกษตรได้รับผลกระทบกว่า 5,000 ไร่ ประกอบด้วยนาข้าว 4,600 ไร่ พืชไร่ 550 ไร่ พืชสวน 200 ไร่ และสินค้าและประโยชน์ได้รับความเสียหายได้แก่ฝ่าย 3 แห่ง

จังหวัดเชียงรายได้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยร่วมกับองค์กรเครือข่ายจัดกำลังเข้าแจกจ่ายอาหารปรุงสุก น้ำดื่ม ถุงยังชีพ สำหรับในพื้นที่น้ำหลากเข้าท่วม ได้จัดกำลังวางกระสอบทรายกั้นน้ำช่วยเหลือประชาชนยกของขึ้นที่สูง และจัดให้มีเรือ รถยกสูง ช่วยอำนวยความสะดวกในการสัญจรในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมทั้งจัดรถแบคโฮทำการขุดเปิดทางน้ำและนำเครื่องสูบน้ำทำการสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อเร่งระบายน้ำ รวมถึงฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาเป็นสภาวะปกติโดยเร็ว

“…อุทกภัยครั้งนี้มีปริมาณน้ำหลากที่มากกว่าปกติซึ่งมาพร้อมกับดินโคลน เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับการสร้างการรับรู้เเก่พี่น้องประชาชน ซึ่งเดิมที่มีการเตรียมการยกของขึ้นที่สูงอยู่เเล้ว เเต่น้ำครั้งนี้ท่วมสูงกว่าระดับเดิม ทำให้ทรัพย์สินพี่น้องประชาชนเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ กระแสน้ำได้ส่งผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายเเก่ท่อประปาทำให้มีดินโคลนเข้าไปในระบบท่อจึงต้องเร่งซ่อมเเซมด้วย…” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ย้ำว่า ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในช่วงวันที่ 18 – 20 สิงหาคม 2565 ที่จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำอีกครั้งหนึ่งด้วย รวมถึงกังวลปัญหาที่อาจเกิดใน จ.เชียงราย คือเหตุการณ์เเผ่นดินไหว เพราะจังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเเผ่นดินไหวซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุเมื่อไร ขอให้ทางจังหวัดเตรียมความพร้อมในเรื่องทีมกู้ภัย มีการฝึกซ้อมเเผนเผชิญเหตุ และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมรับสถานการณ์ด้วย

Related Posts

Send this to a friend