กู้เรือปริศนาแล้ว ไม่มีลูกเรือ ไม่มีเอกสาร ล่าสุดจมอีกครั้ง
ทัพเรือภาคที่ 2 ช่วยกู้เรือสินค้าใกล้จม อึ้ง ไม่พบลูกเรือและเอกสารยืนยันตัวตน ล่าสุด คลื่นลมแรงทำเรือจมอีกครั้ง ห่างชายฝั่งทะเลสิชล 28 ไมล์ทะเล
วันนี้ (9 ม.ค. 65) พลเรือตรี สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รอง ผอ.ศรชล.ภาค 2 เปิดเผยกรณีเรือปริศนาไม่ปรากฎสัญชาติว่า จากการตรวจสอบตัวอักษรข้างลำเรือ ไม่พบในสารบบ ล่าสุด กองทัพเรือภาค 2 และ ศรชล ภาค 2 ได้ชักลากจูงเรือจากพิกัดที่พบ มุ่งหน้าปากน้ำตาปี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่ อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างฝั่ง 28 ไมล์ทะเล ระดับน้ำลึกประมาณ 28 เมตร ปรากฎว่า ทะเลมีสภาวะคลื่นลมแรง ทำให้เรือลำดังกล่าวจมดิ่งลงไปใต้ท้องทะเลอีกครั้ง
ขณะนี้ ได้จัดให้เรือหลวงตาปีและเรือจำนวนหนึ่งเฝ้าพิกัด พร้อมประสานกองทัพเรือและเจ้าท่าจังหวัดนครราชสีมา ประกาศเป็นพื้นที่เรือจม เพื่อให้ชาวประมงระมัดระวังในการเดินเรือโดยรอบบริเวณ นอกจากนี้ ยังงพบคราบน้ำมันในบริเวณดังกล่าว แม้จะมีปริมาณมาก แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่จะเร่งขจัดคราบน้ำมัน โดยเร็ว เพราะทิศทางลมและคลื่นอาจพัดคราบน้ำมันไปทางเกาะมัดสุ่ม ที่ห่างออกไปประมาณ 30 ไมล์ทะเลได้ ส่วนของการเก็บกู้ซากเรือ จะดำเนินการหรือไม่ อยู่ระหว่างประเมินสภาพความพร้อมและผลกระทบอื่นๆ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 65 เวลา 16.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 2 ได้รับแจ้งจากแท่นขุดเจาะไพริน พบเรือสินค้าลอยลำอยู่บริเวณใกล้แท่นในลักษณะเอียงข้าง พลเรือโท สุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จึงสั่งการให้ เรือ ต.113 ออกตรวจสอบและช่วยเหลือ
ตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นเรือสินค้า Fin shui yuen2 ไม่ทราบข้อมูล ตัวเรือเอียงกำลังจะจม อยู่ตำบลที่แบริ่ง 118 ระยะ 92 nm จากสถานีเรือสมุย มีเรือ sc glory 2 กำลังประคองอาการ โดยเรือที่เฝ้าระวังชื่อเรือ sc เอมเมอรอยล์ ให้ดำเนินการติดต่อได้โดยตรง
หลังส่งชุดตรวจค้นขึ้นทำการตรวจสอบ ไม่พบลูกเรือลำดังกล่าว ชื่อเรือ เลขเรือ และเอกสารทั้งหมดไม่ปรากฎ ส่วนอุปกรณ์เดินเรือทั้งหมดบนสะพาน ไม่สามารถใช้งานได้ มีเพียงไฟแบตเตอรี่ที่ทำงานได้ ทำให้ไฟยอดเสายังติดอยู่ ด้านห้องเครื่องจักรใหญ่และเครื่องไฟฟ้า ถูกน้ำท่วมขังทั้งหมด ไม่เห็นตัวเครื่องและไม่สามารถลงสำรวจได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีน้ำท่วมระวางขนถ่ายสินค้า มีกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงกระจายทั่วไป
วันที่ 7 ม.ค. 65 ทัพเรือภาคที่ 2 จัดชุดดำเนินการกู้ซ่อม เข้าสำรวจตัวเรืออีกครั้ง โดยเริ่มดำเนินการสูบน้ำออกจากตัวเรือ จนเห็นพื้นห้องเครื่องจักรชั้นที่ 1 ตัวเรือเอียงประมาณ 10 องศาทางขวา ก่อนที่ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 2 จะแจ้งว่า จะให้เรือหลวงตาปีเข้ามาเฝ้าระวังเรือลำดังกล่าวต่อ รอเรือบาสมาลากจูงไปผูกทุ่น












