‘ชาวเลหลีเป๊ะ’ จี้ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ แก้ปัญหาหลังชาวเล 11 รายถูกดำเนินคดีไล่ออกจากที่ดินเดิม
‘ชาวเลหลีเป๊ะ’ ประกาศนั่งรอจนกว่าจะพบ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ จี้แก้ปัญหาหลังชาวเล 11 รายถูกดำเนินคดีไล่ออกจากที่ดินเดิม ขอแก้ปัญหาการตรวจยึดที่ดินให้สอดคล้องเป้าหมายคณะกรรมการฯ
วันนี้ (7 ส.ค. 66) กลุ่มชาวเลหลีเป๊ะ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกจากชาวเลหลีเป๊ะถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล หลังผ่านการแก้ปัญหามาแล้วจนจะครบ 1 ปี พื้นที่พิพาทที่เป็นปัญหาเรื่องทางเดินเข้าโรงเรียน เข้า-ออกหาด ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่กลับมีชาวเลบางส่วนถูกดำเนินคดีขับไล่ออกจากที่ดินเดิม โดยจะขอนั่งประท้วง จนกว่าจะได้พบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล มีรายละเอียดของแถลงการณ์ ดังนี้
“ตามที่ ชาวเลอูรักลาโว้ยเกาะหลีเป๊ะ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) รองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)ในฐานะประธานแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นายอนุชา นาคาศัย)ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี(นายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค)
จากความเดือดร้อนเรื่องเส้นทางสัญจรในการให้นักเรียนเดินเข้าโรงเรียน ทางสัญจรเข้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนเกาะหลีเป๊ะ ทางสัญจรเข้าสุสานชุมชนชาวเล ทางสัญจรแห่พิธีกรรมในประเพณีลอยเรือ ทางสัญจรในการออกสู่ทะเลเพื่อประกอบอาชีพ รวมทั้งเป็นทางเดินของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะ ทำให้นักเรียน ชุมชน และนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จำนวนกว่า 1,000 คน ต้องปีนรั้วเพื่อสัญจรซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียของจังหวัดสตูลและประเทศไทยอย่างมาก รวมทั้งปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเล ไม่สามารถดำเนินการได้
ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูลขึ้น โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานกรรมการ ซึ่งต่อมา ชาวเลได้มีความพยายามและเชื่อมั่นในคณะกรรมการจึงได้เดินทางไปยื่นหนังสือโดยตรง ให้กับประธานกรรมการ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในเดือนมกราคม 2566 และมอบข้อมูล พร้อมดาบให้ท่านได้แก้ปัญหาให้เกิดความเป็นธรรมกับชาวเล โดยยึดหลักการและแนวทางนโยบายประกอบกับกฎหมาย ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาให้กับชาวเลเกาะหลีเป๊ะ
แต่จากการดำเนินการของคณะกรรมการซึ่ง ใช้กฎหมายนำในการแก้ปัญหาที่ไม่มีการแยกกลุ่มปัญหาของชาวเล และกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาให้ชัดเจนโดยอาศัยนโยบาย มติคณะรัฐมนตรี 2 มิถุนายน 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล มติคณะรัฐมตรี วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าด้วยหลักในการแก้ปัญหา
1.ต้องยุติการคุกคามพื้นที่สมาชิกของ P-Move ด้วยการหยุดการแจ้งความดำเนินคดีในทุกพื้นที คดีใหม่ต้องไม่มี หรือให้ยุติทุกกรณี คดีเก่าที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมให้มีมาตรการจำหน่าย หรือชะลอการดำเนินคดี
2.ในการแก้ปัญหาของ P-Move รัฐบาลต้องยึดปัญหาความเดือดร้อน ข้อมูลและข้อเท็จจริงของประชาชนเป็นหลัก ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม.และนโยบายที่เป็นอุปสรรคให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหา เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบัน การดำเนินการแก้ปัญหา กลับสร้างปัญหา และภาระให้ชาวเลเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันทางเดินของเด็กนักเรียน ทางเดินลงทะเล ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินก็ยังมีอุปสรรคไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ชาวเลอย่างน้อย 11 ราย กลับต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกอุทยาน ข้อหา พรบ.ควบคุมอาคาร ข้อหา ขัดต่อพรบ.โรงแรม เป็นต้น
และอนาคตยังไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า เมื่อชาวเลและกรรมการร่วมกันตรวจสอบที่ดินที่เอกชนครอบครองเกินกว่าเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน และมีชาวเลอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นจะไม่ถูกอุทยานแจ้งความดำเนินคดีอีก โดยที่ไม่มีแนวทางใดๆของกรรมการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวเลได้อีก แต่กลับสร้างภาระให้ชาวเลเกินกว่าเหตุ และไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของคณะกรรมการที่หวังจะแก้ปัญหาให้ชาวเล ซึ่งความจริง ทุกฝ่ายก็ทราบดีว่า ช่องทางและโอกาสทางนโยบาย และกฎหมาย ชาวเลไม่สามารถเข้าถึงได้ ตั้งแต่ต้น ปัญหาถึงได้ลุกลามมาถึงปัจจุบัน
ดังนั้น ทางชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการ ได้ลงพื้นที่ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 นี้ เพื่อจัดเวทีรับฟังปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ไม่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการของคณะกรรมการฯ
ทางชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จะจัดกิจกรรมกลางแจ้ง พักค้างแรมเพื่อรอการลงพื้นที่ ของประธานและกรรมการแก้ปัญหา ตั้งแต่ บัดนี้ จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม ตามกำหนดการของประธานคณะกรรมการฯ ที่จะลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหา และหากไม่สามารถได้พบประธานกรรมการ ชาวเลเกาะหลีเป๊ะจะเตรียมการยกระดับการเรียกร้องต่อไป
จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ก่อนที่ชาวเลจะถูกยึดที่ ถูกดำเนินคดี และติดคุก ก่อนที่กรรมการจะสามารถแก้ปัญหาได้ การแก้ปัญหาต้องไม่ทำให้ชาวเลติดคุกและสูญเสียที่ดินเพิ่ม
7 สิงหาคม 2566
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล”












