AROUND THAILAND

ผู้ว่าฯ จ.ตาก เน้นย้ำผู้ประกอบการ 59 ท่า แจ้งเบาะแสส่งสินค้าผิดกฎหมายข้ามไปเมียวดี

วันนี้ (7 ก.พ. 68) นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก แถลงผลการประชุมผู้ประกอบการช่องทางอื่นนอกทางอนุมัติตาม พ.ร.บ. ศุลกากร ปี 2560 ในพื้นที่จังหวัดตาก ว่า ขอความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส หากพบสินค้าต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบสินค้าดังกล่าวโดยทันที เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำความผิด พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตราการ 7 มาตรการ และข้อกำหนดการนำเข้า และส่งออกสินค้าของศุลกากร และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด หากพบการกระทำผิดหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หาก ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว อาจถูกระงับใช้ช่องทางได้ และขอความร่วมมือผู้ประกอบการต่าง ๆ ในการตรวจสอบสินค้าหรือสิ่งของที่ได้ดำเนินการส่งออกหรือนำเข้าอย่างเข้มงวด และห้ามมิให้มีการนำสิ่งของผิดกฎหมายหรือกระทำผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด ซึ่งได้เน้นย้ำกับท่าข้ามทั้ง 59 ท่า

นายชูชีพ กล่าวอีกว่า ห้ามสินค้าประเภทน้ำมัน ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไปสนับสนุนอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ เราได้ทำตามข้อสั่งการของรัฐบาล ส่วนการลักลอบข้ามชายแดนของกลุ่มคนนั้นผ่านช่องทางธรรมชาติ เราทำตามมาตรการของรัฐบาลมาโดยตลอดในเรื่องการคัดกรอง ตรวจสอบการสกัดกั้นคนเข้าพื้นที่ การดูแลที่พักต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้เห็นว่าชาวต่างชาติที่มีทิศทางจะข้ามไปประเทศเมียนมาที่อาจเป็นเหยื่อ หรือเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองลดลง ชาวต่างชาติในอัตราส่วนจาก 1,000 คน มีคนเข้ามา 300 คน แต่มีคนกลับออกมา 700 คน ในช่วงสามสัปดาห์ที่เราทำมา ก็แสดงว่าเจตนาเขาจะเข้ามาทำอะไร ก็จะถูกผลักดันออกไป

นายชูชีพ กล่าวถึงการประเมินเรื่องการตัดไฟตัดน้ำมัน จะสามารถตัดเรื่องคอลเซ็นเตอร์ได้มากขนาดไหน ว่า จากฝ่ายของการค้าจังหวัดผู้บริหารภาคเอกชนที่มีการติดต่อกับฝั่งหอการค้าเมียวดีมาตลอด ก็สะท้อนว่ามาตรการของรัฐบาลเราที่จะแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เขาก็ได้รับผลกระทบ ในส่วนของประชากรเมียนมา แต่ส่วนของผู้ประกอบการที่กระทำผิดกฎหมายตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนอยู่

เมื่อถามว่าภาคเอกชนของเมียวดี เรียกร้องให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดตากพูดคุยกับทางผู้ว่าฯ เมียวดี มีความเป็นไปได้ขนาดไหน นายชูชีพ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมา แต่ถ้ามีเราจะเป็นตัวแทนระดับภูมิภาคของประเทศไทยที่พร้อมจะพูดคุยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ศูนย์สั่งการชายแดนเพื่อประมวลไป เพราะนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำว่าหากมีอะไรให้บอกไปโดยด่วน

นายชูชีพ กล่าวถึงผลกระทบของโรงพยาบาลในเมียวดี ที่จะประสานขอความช่วยเหลือ ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการประสานขอความช่วยเหลือ แต่ตนเองได้รับทราบจากฝั่งผู้บริหารภาคเอกชนที่ติดต่อกับฝั่งเมียนมา และหากมีการประสานมา ก็พร้อมที่จะพูดคุย

นายชูชีพ ระบุว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ และประเมินสถานการณ์โดยทหาร ตำรวจ หรือหน่วยที่เกี่ยวข้องคิดว่าเขาสามารถที่จะดำเนินการบริหารจัดการฝั่งเมียนมาได้เพียง 1 – 2 สัปดาห์ ส่วนเรื่องการอพยพขณะนี้ยังไม่มีอย่างแน่นอน ต้องประเมินสัปดาห์ต่อสัปดาห์ และตนเองกับหน่วยงานความมั่นคงได้ประเมินเพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ไว้ทางด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ หลักมนุษยธรรมตามที่รัฐบาลได้เคยบอกไป

ส่วนความคืบหน้ากระบวนการของ ชาวต่างชาติ 61 คนที่ได้รับการปล่อยตัวจากเมียนมา ขณะนี้มีการคัดกรองตามระบบ หากคัดแยกแล้วพบว่าเป็นเหยื่อด้วยกฎหมายของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะส่งต่อไปยังบ้านพักคุ้มครองตามสิทธิของเขา

Related Posts

Send this to a friend