FEATURE

เทคนิคดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรง รับมือปัญหาสุขภาพช่องปากคนไทย ช่วยเติมเต็มกาย-ใจ

“ฟันที่แข็งแรง” ไม่เพียงทำให้การบดเคี้ยวอาหารได้ดี แต่ยังช่วยเรื่องสุขภาพด้านอื่นๆอีกด้วย โดยเฉพาะอาการท้องอืดแน่น อันเนื่องจากอาหารไม่ย่อย รวมถึงยังป้องกันโรคเบาหวานได้อีกด้วย ดังนั้นการให้ความใส่ใจ เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการละเลยเรื่องการแปรงฟัน หรือบ้วนปากหลังกินอาหารเที่ยงเป็นประจำ อาจสะสมสิ่งสกปรกและน้ำตาล จากอาหารรสหวาน ติดตามซอกฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ รวมถึงการที่ผู้สูงวัยสูญเสียฟันไปเรื่อยๆ จากการถอนฟัน ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรครำมะนาด หรือโรคปริทันต์อักเสบ และทำให้เหงือกบวมและร่น อีกทั้งทำให้ฟันซี่อื่นๆโยกออกห่างจากกัน และต้องถอนฟันทั้งปาก ที่สำคัญต้องพึ่งการใส่ฟันเทียม เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรงนั้น

The Reporters ได้พูดคุยกับ “รศ.ทพ.ดร.นิยม ธำรงค์อนันต์สกุล” คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ “ทพ.วิศรุตม์ ประวัติวัชรา” คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้งานงานแถลงข่าว แคมเปญ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” จาก บ.เฮลีออน ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ สุขภาพของปากของคนไทย รวมถึงปัญหาสุขภาพช่องปาก และการดูแลฟันอย่างถูกวิธี เพื่อฟันที่แข็งแรงและสุขภาพที่ดีควบคู่กัน

รศ.ทพ.ดร.นิยม ให้ข้อมูลว่า “แน่นอนว่าปัญหาสุขภาพช่องปากของคนไทย โดยเฉพาะในสังคมผู้สูงวัย ที่ผู้ใหญ่บางรายต้องถอนฟัน เนื่องจากปัญหา “ฟันผุ” ซึ่งมักจะตามมาด้วย “โรครำมะนาด” และทำให้เหงือกบวมและร่น อีกทั้งให้ฟันซี่อื่นๆที่ยังเหลือ โยกออกห่างจากกัน กระทั่งทำให้ต้องถอนฟันทั้งปาก และทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่ดี จนเป็นสาเหตุของอาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย ที่สำคัญเมื่อผู้สูงวัยสูญเสียฟันทั้งปาก ทำให้ไม่อยากรับประทานอาหาร เพราะกินของแข็งไม่ได้ และการที่ผู้สูงวัยบางคนนั้น เมื่อรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ ก็จะเลือกไปดื่มน้ำหวานแทน และนำมาซึ่ง “โรคเบาหวาน”ในอนาคต ที่สำคัญผู้สูงวัยกลุ่มนี้มักจะเก็บตัวอยู่บ้าน เนื่องจากไม่มีฟัน ทำให้ไม่กล้าเข้าสังคมหรือพูดคุยกับคนอื่น ทำให้และรู้สึกโดดเดี่ยว อีกทั้งทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมาได้”

“ดังนั้นหากเราแปรงฟันไม่สะอาด สิ่งที่ตามมาคืออาการเหงือกอักเสบ ซึ่งหากปล่อยเรื้อรังไว้ ก็จะเป็นสาเหตุให้กระดูกรองรับฟันละลายตัว รวมถึงทำให้ฟันผุและเหงือกร่นได้อีกด้วย และต้องถอนฟันทั้งปาก และต้องใส่ฟันเทียมนั่นเอง สอดคล้องกับข้อมูลด้านทันตสุขภาพในปี 2560 ที่บ้านเรากำลังเริ่มเข้าสังคมสูงวัย จะสังเกตได้จากการที่คนไข้สูงวัย ที่ต้องสูญเสียฟันทั้งปาก และต้องรอฟันเทียมคิดเป็นร้อยละ 70 แต่ในความเป็นจริงนั้น ผู้สูงวัยที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากดังกล่าว ที่ได้ใส่ฟันเทียมไปแล้วมีเพียงร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การมีงบประมาณไม่เพียงพอ ในการจัดหาฟันปลอม ทำให้ต้องรอบริการจากรพ.ภาครัฐที่มีราคาย่อมเยาเป็นเวลานาน เนื่องจากฟันปลอม 1 ชิ้นใช้เวลาทำหลายเดือน หรือ รู้สึกเจ็บหลังจากใส่ฟันปลอมในระยะแรกๆ จึงทำให้ไม่อยากใส่ฟันปลอม เป็นต้น”

“ทั้งนี้การดูสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุด ในการรับมือกับการสูญเสียฟัน ในวัยผู้ใหญ่และทุกๆวัย คือการหมั่นแปรงฟันวันละ 3 ครั้งหลังอาหารถ้าทำได้ แต่หากทำไม่ได้นั้น แนะนำให้บ้วนปากหลังรับประทานอาหารแทน โดยเฉพาะเมื่อกินอาหารรสหวาน รวมถึงการพาลูกหลานไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟันป้องกันฟันผุ นอกจากนี้ปัญหาสุขภาพฟันที่พบได้บ่อยในคนไทย คือ “ฟันแตก” จากการเคี้ยวของแข็ง ที่สำคัญเมื่อฟันแตกร้าว สิ่งที่ตามมาคือการถอนฟันที่แตกร้าวออก ก็เป็นสาเหตุของการถอนฟัน และทำให้สูญเสียฟันไปเรื่อยๆ กระทั่งต้องใส่ฟันปลอมเช่นกัน”

“ส่วนสถานการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพช่องปากของเด็กไทยนั้น เนื่องจากเด็กยุคใหม่ มีปัญหาเรื่องฟันห่างน้อยลง และมีฟันผุน้อยลงเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ปกครองมัก จะเด็กไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจยังไม่ครอบคลุม ไปถึงเด็กในต่างจังหวัด ดังนั้นเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องอาศัย ความร่วมมือกับผู้ปกครองเด็กๆที่อยู่ในต่างจังหวัด โดยการพาลูกหลานไปตรวจสุขภาพฟัน เป็นประจำทุกๆ 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพฟันดังกล่าว หรือแม้แต่ความร่วมมือจากโรงเรียน ที่อาจต้องคุมเข้มไม่ให้มีร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารหวานรอบโรงเรียน เพื่อรับมือกับปัญหาเด็กฟันผุตั้งแต่อายุน้อยๆ หรือแม้แต่ที่ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กกินลูกอม กระทั่งเด็กหลับไปพร้อมกับของหวานดังกล่าว ที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุในเด็กเล็กเช่นกัน ทั้งนี้ก่อนเข้านอนควรให้ฝึกเด็กเล็ก แปรงฟันจนติดเป็นนิสัย”

ด้าน ทพ.วิศรุตม์ ให้ข้อมูลว่า “สำหรับสิ่งที่จะช่วยทำให้ฟันของเราแข็งแรงนั้น คือการกินฟลูออไรด์ ที่ต้องอยู่ภายใต้รับคำแนะนำจากทันตแพทย์เท่านั้น เพราะฟลูออไรด์จะทำให้ฟันของเรา ทนต่อกรดได้ดีขึ้น จึงช่วยป้องกันฟันผุได้ เพราะหากซื้อมาใช้บริโภคเอง จะทำให้ได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป ก็จะทำให้ฟันตกกระหรือฟันมีสีน้ำตาล และตามมาด้วยการที่ผิวฟันกร่อนหรือสึกได้ง่าย ซึ่งนั่นจะทำให้เด็กๆรู้สึกเสียวฟันเวลาที่กินอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับอย่างพอดี ในส่วนของแคลเซียมที่หลายคนมองว่า เป็นสิ่งที่ทำให้ฟันแข็งแรงหรือไม่นั้น แต่อันที่จริงแล้วแคลเซียม เป็นองค์ประกอบหรือโครงสร้างพื้นฐาน ของฟันที่แข็งแรง ดังนั้นการกินแคลเซียมเสริมเข้าไป จึงไม่ได้เป็นส่วนเติมเต็ม ให้ฟันแข็งแรงขึ้นแต่อย่างใด”

สุขภาพฟันที่ดีนั้นรอไม่ได้ จึงต้องเริ่มจากการดูแล ที่สม่ำเสมอตั้งแต่ในวัยเด็ก เช่น การหมั่นแปรงฟันหลังอาหาร 3 เวลา หรือบ้วนปากหลังอาหารทุกครั้ง หรือแม้แต่การที่พ่อแม่สอนเด็กๆให้แปรงฟันก่อนเข้านอนจนติดเป็นนิสัย และหมั่นพาไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน ก็จะทำให้คุณน้องๆหนูมีฟันที่ขาวสะอาดไร้ซึ่งฟันผุ กระทั่งโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีฟันแข็งแรง สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี และช่วยระบบขับถ่ายทำงานได้ดีเช่นกัน…จริงไหมคะ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat