ก.เกษตรฯ ฝังทำลายหมูเถื่อน 7 แสนกิโล มากสุดเป็นประวัติการณ์
วันนี้ (12 ม.ค. 66) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีฝังทำลายชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรของกลางลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย จำนวน 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบุรี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
สืบเนื่องจากกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมาย ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรอย่างเคร่งครัด รวมทั้งปราบปรามการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรอย่างผิดกฎหมาย เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะรายย่อย และเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
เนื่องจากชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจมีเชื้อโรคระบาดต่อสัตว์และไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมถึงอาจทำลายกลไกราคาสุกรภายในประเทศ สร้างความเสียหายต่อระบบการเลี้ยงสุกรของประเทศไทยอย่างมหาศาล
การฝังทำลายชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรของกลางในวันนี้ มีจำนวนมากถึง 723,786 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 123 ล้านบาท จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกสิบล้อพ่วงถึง 35 เที่ยว รถบรรทุกสิบล้อ 3 เที่ยว รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ อีก 1 เที่ยว ถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยดำเนินการมา
ทั้งนี้ ในปี 2565 กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรจำนวนทั้งสิ้น 42 คดี , ปริมาณน้ำหนักรวม 1,089,514 กิโลกรัม , คิดเป็นมูลค่ากว่า 219 ล้านบาท และดำเนินการกับซากสุกรของกลาง แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งทำลายไปแล้ว จำนวน 179,612 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 71 ล้านบาท ส่วนที่สองอยู่ในระหว่างดําเนินคดี จำนวน 186,116 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งเมื่อคดีสิ้นสุด จะได้ดำเนินการทำลายต่อไป
และส่วนที่สาม รวบรวมเพื่อทำลายในวันนี้ จำนวน 723,786 กิโลกรัม ชิ้นส่วนเครื่องในและเนื้อสุกรของกลาง ส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตมาจากต่างประเทศ เช่น ประเทศบราซิล ประเทศเยอรมนี ประเทศอิตาลี ใช้วิธีการฝังทำลายตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organization for Animal Health หรือ WOAH) ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมในการทำลายซากและของเสียจากสัตว์ปริมาณมากที่สามารถทำได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม













