ชาวบ้านสบกก วอนรัฐไขข้อพิพาท ‘เกาะช้างตาย’ หวังคลายข้อกังขาเขตแดนน้ำโขง
ชาวบ้าน ‘สบกก’ วอนรัฐไขข้อพิพาท ‘เกาะช้างตาย’ ผลจากร่องน้ำลึกขุดใหม่เอื้อท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เผยพบชาวลาวรุดล้อมรั้วแล้ว หวังคลายกังขาเขตแดนน้ำโขง
วันนี้ (4 ต.ค. 65) ผู้สื่อข่าว The Reporters ลงพื้นที่เกาะช้างตาย แม่น้ำโขง ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว

นายสมยศ จันทรังษี ชาวบ้านผู้มีถิ่นกำเนิดและเติบโตในบ้านสบกก ปากแม่น้ำกกบนลุ่มน้ำโขง พาล่องเรือไปชมบริเวณที่เป็นข้อกังขา ซึ่งแต่เดิมไม่ได้เป็นเกาะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน ที่ชาวไทยสามารถเดินเท้าไปถึงได้ เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรมและประมงพื้นบ้าน รวมถึงสืบทอดวัฒนธรรมชุมชน อย่างการแข่งกีฬา จัดประเพณีสงกรานต์ ไปจนถึงจัดประเพณีแข่งเรือ
“ชาวบ้านรู้สึกอึดอัด พื้นที่นี้เราเคยอยู่ เราเคยทำกิน แต่หลังจากนั้นก็มีท่าเรือมาตั้ง แล้วใช้รถแบคโฮขุดร่องน้ำลึก จนน้ำตัดแผ่นดินเป็นเกาะ เดินข้ามไม่ได้แล้ว”

เมื่อล่องเรือข้ามลำน้ำที่เกิดจากการขุดไม่นานมานี้ไปได้จนเทียบเกาะ พบว่า พื้นที่ของเกาะช้างตาย มีความยาวจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกประมาณ 800 เมตร และความกว้างจากทิศเหนือไปทิศใต้ประมาณ 200 เมตร ลักษณะเป็นดินเหนียวคลุมด้วยหญ้า มีไม้ยืนต้นชุกอยู่บนเนินกลางเกาะ ที่สำคัญปรากฏรั้วไม้ไผ่ขึงกำบังด้วยมูลี่ล้อมคอกปศุสัตว์ ในนั้นมีสวนกล้วย และวัวรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ตัว
“ไม่รู้ว่าพื้นดินนี้เป็นของไทยหรือลาว จนพบว่าคนลาวเริ่มนำแพะกับวัวมาเลี้ยง และเข้ามาทำมาหากินบนแผ่นดินไทยของเราที่ปัจจุบันกลายเป็นเกาะไปแล้ว … ขอฝากถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบ ลงมาดูแลพี่น้องชาวบ้าน ชี้ชัดว่าส่วนใดเป็นของไทย ส่วนใดเป็นของลาว” นายสมยศ กล่าวทิ้งท้าย
ระหว่างนั้น ชาวลาวคนหนึ่งบังเอิญล่องเรือบรรทุกเศษพืชผลทางการเกษตรเข้ามาเทียบบนเกาะช้างตาย จากการสอบถามความเป็นมา พบว่า ตามปกติล่องเรือมาที่ดอนดังกล่าวเพื่อทำเกษตรกรรมเองคนเดียว โดยไม่ทราบถึงข้อพิพาทที่เกิดขึ้น

เมื่อกลับมาถึงฝั่ง ผู้สื่อข่าวพบกับ พระอธิการอภิชาติ รติโก เจ้าอาวาสวัดสบกก อารามที่ตั้งอยู่เหนือตลิ่งแม่น้ำโขง ซึ่งสังเกตพัฒนาการของผืนดินพิพาทนี้มาหลายปี โดยมองว่า ชาวบ้านฝั่งลาวบางส่วนที่เข้ามาใช้ประโยชน์เกาะช้างตาย อาจเกิดจากความไม่รู้หรือเข้าใจตามวิถีปฏิบัติแต่เดิม ในการเข้าใช้ประโยชน์เกาะบนแม่น้ำโขงได้ ขณะที่ชาวบ้านฝั่งไทยก็เกิดความเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน เพราะพื้นที่นั้นก็อยู่ใกล้ชิดฝั่งไทยมาก และเคยใช้ประโยชน์ในพื้นที่นั้นมาก่อน
“เคยส่งเรื่องไปถึงอำเภอ แต่ก็ขาดความต่อเนื่อง แม้เคยออกสื่อแล้ว 1-2 ครั้ง แต่เรื่องก็เงียบไปจนได้” พระอภิชาติ กล่าว

เข่นกันกับ นางนารี ศรีสุพนธ์ แม่บ้านในหมู่บ้านสบกก เธอหยิบภาพถ่ายตนเองที่เคยเดินเท้าลงไปถึงเกาะช้างตาย และบอกว่าไม่มีทางเลยที่ปัจจุบันจะเดินเท้าลงไปแบบนี้ได้อีก
เธอบอกเล่าถึงอดีตด้วยน้ำเสียงเสียดาย ทัศนวิสัยสวยงามเช่นนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักนิยมมาเยือน จนถึงขั้นเคยมีแนวคิดจะส่งเสริมการท่องเที่ยวริมน้ำโขงในจุดนั้น แต่เมื่อเกิดร่องน้ำลึกใหม่พาดผ่านจนเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขง จึงไม่เหมาะ และไม่กล้าที่จะนำนักท่องเที่ยวไปอีกแล้ว เพราะไม่แน่ชัดว่า จุดที่เคยไปเยือนได้นั้น เป็นแผ่นดินของไทยอย่างเก่า หรือเป็นของเพื่อนบ้านไปแล้วตามเงื่อนไขในสนธิสัญญาสมัยอาณานิคม
ทั้งนี้ มีรายงานว่าสาเหตุการขุดร่องน้ำลึกใหม่ที่ตัดขาดเกาะช้างตายจากฝั่งไทย คือส่วนหนึ่งของการอำนวยความสะดวกเส้นทางเรือที่เข้าเทียบท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 ในพื้นที่ฝั่งด้านในตรงข้ามกับเกาะช้างตาย ซึ่งห่างจากท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ 1 เป็นระยะทางน้ำลงมา 5 กิโลเมตร โดยท่าเรือแห่งใหม่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการขนส่งสินค้า ตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ที่มีประเทศสมาชิกคือ ไทย จีน เมียนมา และลาว

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 นี้ ผ่านอนุมัติและเห็นชอบในหลักการ ตามมติคณะรัฐมนตรีในสมัย พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2550 ด้วยวงเงินก่อสร้าง 1,546.40 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี พ.ศ. 2552-2554 ก่อนจะให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารท่าเรือ และเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเมกะโปรเจกต์ที่เกิดขึ้นบนลุ่มน้ำโขง สายเลือดสำคัญของพี่น้องชาวเหนือและอีสานหลายจังหวัด แน่นอนว่า ไม่เพียงแต่วิถีชุมชนบางส่วนได้รับผลกระทบไป แต่ยังสั่นคลอนแนวเขตแดนของรัฐ โดยยังไม่มีความคืบหน้าของการรับผิดชอบบรรเทาทุกข์ชาวบ้านได้อย่างเป็นรูปธรรม
อุทาหรณ์ลักษณะนี้อาจปรากฏขึ้นได้อีกจากโครงการใหม่ ๆ บนแม่น้ำโขง อย่างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าหลายแห่ง เช่น เขื่อนปากแบง และเขื่อนสะนะคาม ที่อยู่ระหว่างการเริ่มต้นดำเนินการตามแผน ที่อาจคุกคามวิถีสายน้ำแห่งเอเชียอาคเนย์ในอนาคตอันใกล้นี้
เรื่อง/ภาพ : ณัฐนนท์ เจริญชัย













