POLITICS

‘อภิสิทธิ์’ เปิด 27 นโยบายไทยหายจน เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย

‘อภิสิทธิ์’ เปิด 27 นโยบายไทยหายจน เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ลั่นพวกเราคนทำเป็น ไม่ใช่แค่พูดแล้วทำ

วันนี้ (29 ธ.ค. 68) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมด้วย นายกรมณ์ จาติกวณิช และ ดร.การดี เลียวไพโรจน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ เปิดวิสัยทัศน์ “ทำอย่างไร? ไทยหายจน” ณ ที่ทำการพรรประชาธิปัตย์

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า 15 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยและคนไทยต้องเจอกับสภาพ ”ไทยต้องทน“ ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน แต่เราต้องการผู้นำที่มีความเข้าใจในเงื่อนไขสำคัญของโลก ให้เราหลุดพ้นจากสภาพเดิม

ทำอย่างไรให้ไทยหายจน ประการแรกคือ “บ้านเมืองสุจริต” ซึ่งประชาชนเรียกหาสิ่งนี้ เพราะการทุจริตทำลายสังคมไทยเป็นอย่างมาก มีต้นทุนในทุกรูปแบบ คนทำธุรกิจหรือประชาชนเผชิญกับกฎระเบียบมากมาย แทบไม่มีประเทศไหนที่จะหายจนได้ หากบ้านเมืองไม่สุจริต

ประการที่สอง “เศรษฐกิจดี” ประเทศไทยต้องทนอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจร้อยละ 2 และร้อยละ 3 ต่อปี ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 5 จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นปีละ 6 แสนล้านบาท หมายความว่าคนไทยทุกคนจะมีเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 1 หมื่นบาท รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเกือบ 1 แสนล้านบาท

ประการที่สามคือ “ความยุติธรรม” ปัจจุบันความไม่ยุติธรรมนำไปสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง และทำให้ประเทศไทยเดินต่อไม่ได้

ประการที่ 4 ไทยจะต้องเป็นผู้นำในภูมิภาค อดีตเราเคยเป็นประธานอาเซียน นำอาเซียนเข้าไปนั่งในการประชุม G20 และเราเคยเจรจากับนานาประเทศทำให้ราคายางพาราดีขึ้นได้

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาสแกมเมอร์ ยาเสพติดและค้ามนุษย์ ที่ไทยทำโดยลำพังไม่ได้ รวมถึงกรณีที่ไทยถูกกดดันเรื่องความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน วันนี้ “ไทยหายจน” จะต้องคิดเลยพรมแดน พร้อมที่จะยืนเป็นผู้นำในภูมิภาค ทั้งในฐานะประธานอาเซียนที่กำลังจะเวียนมาถึงประเทศไทยในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อให้ภูมิภาคนี้สามารถรวมตัวกันและมีอำนาจในการต่อรอง ไม่ใช่ถูกบีบจนจนมุมจากมหาอำนาจ

“ดังนั้นบ้านเมืองสุจริต เศรษฐกิจดี มีความยุติธรรม เป็นผู้นำในภูมิภาค จะเป็นคำตอบว่าเราจะหายจนได้อย่างไร”

นายอภิสิทธิ์ เสนอแนะว่าวันนี้รัฐบาลต้องเป็นผู้ผลักดัน “ชี้ทาง เปิดทาง เลิกขวาง” เราชี้ทางได้ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่เพราะรัฐเป็นผู้ที่ครอบครองข้อมูลมากที่สุด ซึ่งข้อมูลที่ภาครัฐมีประโยชน์ต่อธุรกิจที่สำคัญเช่นเวลเนส เห็นหาเสียงจะประหารชีวิตอย่างเดียว กฎหมายประหารชีวิตมีอยู่แล้ว ติดสินบนก็ประหารชีวิต แต่สินบนก็ไม่ได้หายไป ซึ่งสิ่งที่ประหารชีวิตได้มากที่สุดคือ “ข้อมูล” หากประชาชนเข้าถึงบัญชีจัดซื้อจัดจ้าง บัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง ข้อมูลธุรกิจก็จะสามารถชี้ทางได้ว่าคนโกงอยู่ที่ไหน

“เปิดทาง” เราต้องเปิดการลงทุนและการตลาด ลำพังเอกชนและ SMEs ทำไม่ได้ แต่การทูตเชิงรุกสามารถช่วยได้ การลดค่าไฟฟ้าประชาธิปัตย์สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ภาษีด้วยการติดตั้งโซลาร์เซล เปิดทางให้พลังงานสะอาดเพื่อนบ้านเข้ามาทำการค้าขายในไทยและผ่านไปยังประเทศที่ 3 ได้ด้วย เลิกขวางทางด้วย ”Made in Thailand first“ แต่ปัจจุบันเรายังขาดกฎหมายแม่บท

พวกเราแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน หากมีโอกาสเข้าไปทำงาน ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าทำจริงทำสำเร็จหรือไม่ เราจะทำให้อันดับขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นเรื่อย ๆ หนี้ครัวเรือนลดน้อยลง การสะดวกในการประกอบธุรกิจเติบโตขึ้น ตลาดหุ้นต้องพุ่งทะยาน และเด็ก ๆ มีศักยภาพในการศึกษามากยิ่งขึ้นยิ่ง

นายอภิสิทธิ์ ยังสรุป 4 เสาหลัก 27 ไทยหายจน ประกอบด้วย หายจนรายได้ หายจนใจ หายจนปัญญา และหายจนตรอก อาทิ เบี้ยคนชราถ้วนหน้า 1,000 บาท, 50,000 บาท บ้านผู้สูงวัยปลอดภัย, บุฟเฟ่ต์การศึกษา, เรียนฟรีต้องฟรีจริง, English for All และหางานให้ ใช้หนี้ กยศ. ทั้งหมดจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้ไทยหายจน เรารอการสนับสนุนจากคนไทย ขอให้ความมั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน ที่อาสาตัวเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ถามว่าทำไมต้องเป็น 3 คนนี้เพราะมีความหลากหลาย แต่สิ่งสำคัญคือเราคือทีมเดียวกัน พวกเรา 3 คน ไปเวทีดีเบตใครตอบก็เหมือนอีกคนตอบ เพราะเราคิด เราทำด้วยกัน ทุกคนสังกัดพรรคประชาธิปัตย์หมายความว่าเจตจำนงในการผลักดันทุกเรื่องเป็นสิ่งที่ผูกมัดพวกเรา

”วันนี้มีการพูดนโยบายเยอะแยะ บางคนบอกว่าไม่ใช่แค่พูด แต่พูดแล้วทำมันไม่พอ เพราะต้องคิดก่อนพูด พูดแล้วต้องทำเป็นเพราะพวกเราเป็นคนทำเป็น“ นายอภิสิทธิ์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend