POLITICS

’อนุทิน‘ ปฏิเสธข้อเสนอกัมพูชา ย้ำ ไทยเดินหน้ามาไกล ไม่ยอมเสียพื้นที่สถาปนาธิปไตยแล้ว ย้ำ กองทัพบรรลุเป้าหมายครบถ้วน

วันนี้ (26 ธ.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้แทนกัมพูชาเสนอในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (GBC) ให้ทั้งสองประเทศกลับไปเริ่มต้นจากจุดเดิมก่อนเกิดสถานการณ์ตึงเครียด ว่า ฝ่ายไทยไม่สามารถยอมรับข้อเสนอดังกล่าวได้ เนื่องจากประเทศไทยได้ดำเนินการสถาปนาอธิปไตยในพื้นที่ที่มั่นใจว่าเป็นของไทยแล้ว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การประชุม GBC ยังคงเดินหน้าตามกลไกปกติ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีการสื่อสารผ่านช่องทางอื่น โดยยืนยันว่าหากประธานาธิบดีกัมพูชามีความประสงค์จะพูดคุยโดยตรง ก็สามารถติดต่อกันได้ เพราะทั้งสองฝ่ายมีช่องทางสื่อสารที่เปิดกว้าง และสามารถหาทางยุติปัญหาได้ไม่ยาก หากยึดหลักตามข้อตกลงและปฏิญญาที่มีอยู่ร่วมกัน

“หลักการมันชัดเจนอยู่แล้ว ในปฏิญญาที่ทำไว้ ที่กัวลาลัมเปอร์มีข้อกำหนดไว้ 4 ข้อ ต่างฝ่ายต่างปฏิบัติตาม ปัญหาก็จบ โดยเฉพาะเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด หากพบต้องเก็บทันที ไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใด ซึ่งนี่คือสิ่งที่ประเทศไทยปฏิบัติมาโดยตลอด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการเก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดน พบว่าวัตถุระเบิดจำนวนมากเป็นของใหม่ และมีหลักฐานชัดเจน โดยผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนได้มีหนังสือยืนยันว่า มีการนำวัตถุระเบิดเข้ามาวางเพิ่มเติม พร้อมระบุว่า ตนเองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง เห็นของจริง จับและตรวจสอบแล้ว จึงมั่นใจในข้อเท็จจริงดังกล่าว

“ผมเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่พูดโดยไม่มีหลักฐาน เรื่องนี้ไม่ใช่การต่อรองทางธุรกิจ แต่เป็นเรื่องอธิปไตยของแผ่นดิน ต้องยึดข้อเท็จจริงและหลักฐานจริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า หากมองว่าเป็นคู่กรณีกัน ก็ต้องคุยกันตามกลไกที่ถูกต้อง โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติชัดเจนว่า ปัญหานี้เป็นเรื่องระดับทวิภาคี ระหว่างไทยกับกัมพูชาเท่านั้น

สำหรับข้อเสนอให้กลับไปเริ่มจากจุดเดิม โดยฝ่ายกัมพูชา ที่เสนอในที่ประชุมจีวีซี นายอนุทิน ระบุว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าสถาปนาอธิปไตยในพื้นที่ที่มั่นใจว่าเป็นของไทยแล้ว การดำเนินการใดๆ ต้องเริ่มต้นจากจุดนี้ ไม่ใช่ถอยกลับไปจากจุดที่ได้ยืนยันอธิปไตยไปแล้ว

“เราเดินหน้ามาไกลแล้ว จะให้ถอยกลับไปอีก มันเป็นไปไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนขณะนี้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตามเป้าหมายทางทหารอย่างครบถ้วน โดยกองทัพได้ปฏิบัติภารกิจจนบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ทั้งหมด และหวังว่าจะมีข่าวดีในเร็ววัน

นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า รัฐบาลพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย และนำทุกอย่างกลับไปสู่จุดที่ประชาชนไม่ต้องอยู่ภายใต้ความหวาดระแวง พร้อมยืนยันว่า ประเทศไทยจะไม่สูญเสียอธิปไตยหรือดินแดนใด ๆ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่รัฐบาลและกองทัพยึดถือร่วมกันมาตั้งแต่เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน

“ในทางการทหาร เราปฏิบัติตามกฎแห่งการปะทะมาโดยตลอด หากถูกละเมิดหรือถูกโจมตี ประเทศไทยก็จำเป็นต้องตอบโต้ แต่ทุกครั้งจะอยู่ภายใต้กรอบที่เหมาะสม หากเกิดความเสียหายต่อพี่น้องทหารหรือประชาชน นั่นคือสิ่งที่เราไม่สามารถยอมรับได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ว่า ได้มีการเชิญผู้แทนเข้าหารือที่จังหวัดจันทบุรี โดยย้ำว่า ตราบใดที่ยังมองกันในฐานะคู่กรณี และยังมีช่องทางในการพูดคุย รัฐบาลเชื่อว่าสถานการณ์จะสามารถคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้การเจรจาอาจได้ผลหรือไม่ก็ตาม แต่ประเทศไทยจำเป็นต้องเดินหน้าเจรจาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนกองทัพในการปกป้องดินแดน ขณะเดียวกันก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาคมโลกและนานาชาติ โดยยืนยันว่าไทยยึดหลักการที่ถูกต้อง สามารถอธิบายได้ทั้งต่อประเทศคู่เจรจาและต่อประชาชนคนไทย

นายกรัฐมนตรี ระบุเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงใด ๆ รวมถึงข้อตกลงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา และยังคงยึดกรอบการเจรจา 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การถอนกำลังและอาวุธ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และการบริหารจัดการชายแดน ซึ่งรัฐบาลไทยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

“สิ่งสำคัญที่สุด ผมต้องสามารถอธิบายกับประชาชนคนไทยได้ว่า เรากำลังทำอะไรและหากมีการล่วงละเมิดอธิปไตย รุกล้ำดินแดน หรือทำร้ายประชาชน นั่นคือสิ่งที่ผมไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Related Posts

Send this to a friend