กกต. ชี้ อินฟลูฯ ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ถือหุ้นสื่อ
กกต.คุมเข้มนโยบายก่อนรับสมัครเลือกตั้ง ตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัด อินฟลูฯ ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ถือหุ้นสื่อ
วันนี้ (23 ธ.ค. 68) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดประชุมชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงวิธีการหาเสียง โดยกล่าวถึงความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 40 ฐานความผิด การหาเสียงที่ไม่ผิดกฎหมายคือการขายความคิด การขายนโยบาย และการขายเครดิต โดยไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจะถือว่าเป็นการหาเสียงที่แท้จริง
สำหรับฐานความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น การทำลายเครื่องมือและกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง เช่น การทำให้บัตรเสียหาย รวมถึงการทำลายเจตนารมณ์การเลือกตั้งโดยตรงและโดยลับ ทำให้การเลือกตั้งไม่มีเสรีภาพ มีการจ้างให้สิ่งของ ข่มขู่ หรือการพนันจัดการเลือกตั้ง กกต.จะต้องมีการออกกฎระเบียบและรายละเอียดของฐานความผิดต่อไป
อย่างไรก็ตามสื่อมวลชน ห้ามทำโพลโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะชี้นำหรือมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนน มีความผิดตามมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ทั้งนี้ห้ามมีการเปิดเผยผลโพลในระหว่างเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้งถึงเวลาปิดการลงคะแนน
ร.ต.อ.ชนินทร์ ยังแสดงความกังวลต่อกรณีสัญญาว่าจะให้ จัดการเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยขอให้มีลงสมัครรับเลือกตั้งระมัดระวังเรื่องการทำบุญใส่ซอง หาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพรื่นเริง รวมถึงห้ามจูงใจว่าจะจัดเลี้ยง หรือรับจะจัดเลี้ยงให้แก่ผู้ใด ส่วนที่เป็นปัญหามากคือ การปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ จึงขอให้สื่อมวลชนระมัดระวัง อย่ากลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมือง พร้อมทั้งเน้นย้ำ ลักษณะต้องห้ามทั้งกรณีติดยาเสพติดให้โทษ ล้มละลายหรือเคยล้มละลายทุจริต เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน
ส่วนกรณีอินฟลูเอนเซอร์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ถือว่าสุ่มเสี่ยง จึงขออย่าให้ทำตนเองเป็นตัวอย่างที่จะโดนเชือด เช่น กรณีผู้สมัครรายหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ มีการทำคอนเทนต์ในลักษณะเอนเตอร์เทนต์เมนต์ กรณีนี้การใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อสื่อสารหรือเผยแพร่วิเคราะห์ข่าวสารทางการเมือง โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรายได้จากบริษัทหรือผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ไม่เข้าข่ายพฤติการณ์เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน อันเป็นลักษณะต้องห้าม
ด้านนายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เน้นย้ำถึงการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง โดยจะต้องมีการกำหนดวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ ความคุ้มค่าและประโยชน์ รวมถึงผลกระทบและความเสี่ยง ต้องมีการกำหนดข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วน เพื่อส่งให้ กกต.ได้รับทราบ ไม่น้อยกว่า 20 วันก่อนวันเลือกตั้ง สามารถหาเสียงได้ทั้งหมดแม้จะผ่านหรือไม่ผ่านการตรวจสอบจาก กกต.ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดส่งนโยบายมาให้ กกต.
สำหรับการตรวจสอบพรรคการเมือง จะมีการแต่งตั้งผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเงินการทางเศรษฐกิจ มีหน้าที่ตรวจนโยบายของพรรคการเมือง และคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ในการเรียกเอกสารหรือให้พรรคการเมืองชี้แจงประกอบการพิจารณาของ กกต. ประกอบไปด้วย 1.ผู้แทนของกระทรวงการคลัง 2.กระทรวงพาณิชย์ 3.สำนักงบประมาณ 4.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5.ธนาคารแห่งประเทศไทย 6.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 7.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)











