POLITICS

‘พีระพันธุ์’ เผย ไม่ปิดทางจับมือ ’ภูมิใจไทย‘ แก้ปัญหาชาติไม่เกี่ยวเรื่องส่วนตัว

‘พีระพันธุ์’ ลั่น ’รวมไทยสร้างชาติ‘ ไม่ได้วัดที่จำนวน สส. แต่วัดด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่แข่งกับพรรคอื่น เพราะคู่แข่งเราคือวิกฤตของชาติ ไม่ปิดทางจับมือ ’ภูมิใจไทย‘ แก้ปัญหาชาติไม่เกี่ยวเรื่องส่วนตัว ยัน ส่งผู้สมัครครบทุกภาค

วันนี้ (22 ธ.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งเป้าจำนวน สส. ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จำนวนเท่าไหร่ ว่า ตนเองไม่ได้วัดที่ขนาดของ สส. หรือขนาดของสมาชิก หรือขนาดของเงินทุน แต่วัดด้วยพลังใจความมุ่งมั่นตั้งใจ หากวัดตรงนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราทุกคนไม่เคยคิดว่าคู่แข่งของเราคือพรรคการเมือง แต่เราตระหนักเสมอ นโยบายของเราไม่ทำเพื่อแข่งกับพรรคการเมืองไหน แต่คู่แข่งของเราคือวิกฤตของชาติ ปัญหาของประชาชน อนาคตของลูกหลานและประเทศ คือคู่แข่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องชนะเพื่อคนไทย และประเทศไทยทั้งหมด และหากถามตนเอง ทุกพรรคเหมือนกันหมด เราคาดหวังทุกที่ ทุกเขตอยู่แล้ว

ส่วนจะส่งผู้สมัครทั่วประเทศเลยหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จะส่งทุกจังหวัด ทุกภาค คงครบทุกภาค และในกรุงเทพมหานครครบทั้ง 33 เขต ยังมีเวลาถึงวันที่ 27 ธันวาคม มันฉุกละหุก มันเร็วต้องตรวจคุณสมบัติเยอะมาก ทำงานก็ยันเช้า เพราะมีคนสมัครมาเยอะมาก โดยน่าแปลกใจ คือมีผู้สมัครที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่กับเรา เป็นคนรุ่นใหม่หลายคน

ส่วนจุดยืนในการร่วมรัฐบาลครั้งหน้าเป็นอย่างไรเพราะประกาศไว้ว่าไม่สนับสนุนทุนเทา จะร่วมกับพรรคไหนบ้าง นายพีระพันธุ์ ถามกลับว่า มีรัฐบาลไหนบอกว่าตัวเองเป็นทุนเทา มีหรือไม่ แต่หากเราเข้าไปแล้ว มีทุนเทา เราไม่อยู่ด้วย

ส่วนจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า สิ่งที่พยายามแก้กันอยู่ในวันนี้ หลักการเหตุผลที่แก้กันอยู่ในวันนี้ เราไม่เอา แต่ถ้าจะแก้เพื่อประเทศไทยมั่นคงขึ้น สถาบันหลักของชาติมั่นคงขึ้น คนไทยมีสิทธิเสรีภาพมากยิ่งขึ้น ให้รัฐธรรมนูญเป็นคู่มือประชาชน ในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน เราแก้ให้ดีขึ้น แต่หากแก้เพื่อประโยชน์การเมือง ประเด็นการเมือง เราไม่แก้เด็ดขาด

เมื่อถามว่าดูจากกลุ่มเป้าหมายของพรรคน่าจะคล้ายกับของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนเองพูดเสมอว่าทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน เราไม่ได้มาทำการเมือง เพื่อคนกลุ่มใด หรือรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เราทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายคือคนไทยทั้งชาติ ถ้าคนไทยทั้งชาติเชื่อมั่น และตนเองทำมาได้แล้ว ตนเองไม่ใช่พูดแล้วทำ ตนเองไม่ชอบโฆษณาตนเอง ตนเองทำ แล้วถึงบอกว่าทำเรียบร้อย ทำเสร็จเรียบร้อย ทำให้ดูแล้ว และจะทำต่อให้ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อถามว่าทำไมตัดสินใจมาลงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ระบุว่า ตนเองเชื่อในนายพีระพันธุ์ ผลงานเป็นตัวบอก การลดราคาค่าไฟ เป็นการรื้อโครงสร้างที่ยากมาก และทุกทุนที่ชน นายพีระพันธุ์ ไม่สนเลย นี่คือนักการเมือง ต้องเป็นอย่างนี้ หากจะร่วมมือ ร่วมงานทางการเมือง และชนแบบนี้ ไปไหนไปกัน วันนี้เราจะมีมากขึ้น ยิ่งใหญ่มากขึ้น เพราะถ้าพี่น้องประชาชนเข้าใจในสิ่งที่เราทำ ที่ผ่านมา เราอาจจะสื่อสารน้อย แต่จากนี้เป็นต้นไปคือสงครามที่เราจะสื่อสารออกว่า เราทำอะไรบ้าง ขอแค่คนเดินไปกับเราด้วย ขอให้มั่นใจในผู้สมัครของเรา ทำให้ประเทศมีความเด็ดขาด และพลิกโฉมให้ได้

นายพีระพันธุ์ กล่าวเสริมว่า ตนเองต้องขอโทษทุกคน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนเองทำหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อย่าว่าแต่สื่อสารมวลชนเลย สื่อสารกับตัวเองยังแทบไม่มีเวลาเลย เห็นหน้าตัวเองเพียงแค่ตอนเช้า และก่อนนอน ตนเองรู้ว่าทุกอย่างไม่มีความแน่นอน ทุกวินาทีต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง จึงไม่มีเวลาที่จะสื่อสาร เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าการโปรโมทตัวเอง คือประโยชน์ของชาติ และประชาชน ตนเองไม่ได้เสียใจที่สื่อสารน้อย เพราะสิ่งที่ต้องแลกกับการสื่อสารน้อย ทำให้เข้าใจผิดบ้าง หรือประชาชนไม่ได้ข้อมูล ต้องแลกกับประโยชน์ของชาติ และประชาชนที่ทุกวินาทีมีค่า

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ รวมไทยสร้างชาติ มีอดีต สส. คนสำคัญของพรรค ไหลออกไปร่วมงานกับพรรคอื่นเยอะ มองว่าส่วนนี้เป็นจุดได้เปรียบ หรือจุดเสียเปรียบของพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้ง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่สนใจ โดยคนที่อยู่ที่นี่กับเรา ต้องขอบคุณที่ยังยึดมั่นในแนวทาง และอุดมการณ์ของพรรค อยู่กันด้วยแนวทางการทำงาน ไม่ได้อยู่กันด้วยตัวเลข และไม่มีอะไรจะฝากบอกถึงคนที่ออกไปแล้ว

ส่วนในอนาคตหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว จะมีโอกาสร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย หรืออดีตสมาชิกที่ออกไปหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าการร่วม ตนเองก็อยู่ในรัฐบาล ไม่ได้ไปร่วมกับสมาชิก แต่ศัตรู และคู่แข่งของเรา ไม่ใช่สมาชิกพรรคไหน ไม่ใช่พรรคการเมืองไหน แต่คือวิกฤตของชาติ ดังนั้น การทำงานแก้วิกฤติของชาติ ต้องร่วมมือกัน ต้องไม่มีเรื่องส่วนตัว การทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ต้องไม่เอาปัญหาส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง

Related Posts

Send this to a friend