‘อนุทิน’ เข้าพรรค ประชุมยุทธศาสตร์ หาข้อสรุปชื่อแคนดิเดตนายกฯ – ผู้สมัคร
วันนี้ (19 ธ.ค. 68) เวลา 10.22 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานการประชุมยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ของพรรคแบบเขต และบัญชีรายชื่อ รวมถึงหาข้อสรุปนโยบายหาเสียงเลือกตั้งปี 2569
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุม กล่าวถึงความเรียบร้อยของรายชื่อผู้สมัคร สส. ทั้งแบบรายชื่อ และแบบแบ่งเขต ว่า กำลังอยู่ในกระบวนการสุดท้ายในการเคาะรายชื่อผู้สมัคร
ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะชัดเจนวันนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พยายามจะให้ชัดเจนในวันนี้ ขณะที่การประชุมในวันนี้ เป็นการพูดคุยเรื่องนโยบายทั่วไป และผู้ใหญ่ของพรรคคนไหนจะรับผิดชอบนโยบายด้านไหนบ้าง ยังเป็นการเตรียมการเรื่องการมอบหมายงานต่าง ๆ เพราะพรรคมีผู้ใหญ่ และบุคลากรทางการเมืองที่มีประสบการณ์แต่ละด้านมาร่วมงาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายที่จะใช้ชูในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ตอบเพียงว่า “ใจเย็น ๆ แต่จะเน้นทุกเรื่อง”
สำหรับบรรยากาศที่ทำการพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีแกนนำพรรค และสมาชิกพรรคทยอยเดินทางเข้าที่พรรคเพื่อร่วมประชุม อาทิ นายไชยชนก ชิดชอบ, นายทรงศักดิ์ ทองศรี, นายภราดร ปริศนานันทกุล, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และนายวราวุธ ศิลปอาชา ร่วมประชุม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในตอนนี้ ยังไม่มีความชัดเจน โดยมี 4 รายชื่อ คือ 1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล 2. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ 3. นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ และ 4. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ซึ่งจะชัดเจนในวันนี้ โดยบางคนยังให้เหตุผลต้องขอกลับไปถามครอบครัว ประกอบการตัดสินใจก่อน แต่ทั้งนี้ในบรรดาทั้ง 3 รายชื่อจะปรากฏเป็นทีมของพรรคภูมิใจไทย และเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบกับตำแหน่งรัฐมนตรีหากได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งหลังเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยจะแถลงนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้งในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นนโยบาย “พูดแล้วทำพลัส” ใน 4 ด้าน เหมือนกับในนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา ประกอบด้วย
ภัยเศรษฐกิจปากท้อง โดยจะมี 3 ระยะ คือระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในระยะเร่งด่วนจะเป็นนโยบายการพักหนี้ทุกรูปแบบ 1 คน 100,000 บาท นโยบายคนละครึ่งพลัส ส่วนในระยะยาวจะวางรากฐานเพื่อให้ความสำคัญกับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี โดยจะได้สิทธิประโยชน์จากสวัสดิการของรัฐมากกว่าคนที่อยู่นอกระบบภาษี เช่น บัตร 30 บาทพลัส
ภัยความมั่นคงชายแดน จะสนับสนุนกองทัพปกป้องอธิปไตยของไทย เพื่อสร้างความชัดเจนบนเวทีโลก และเดินหน้าเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสู้รบ
ภัยสังคม ยกระดับปัญหาสแกมเมอร์ และปัญหายาเสพติดเป็นภัยความมั่นคง
ภัยธรรมชาติ และการเยียวยา ยังคงเดินหน้าเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เดินหน้านโยบายโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน และการควบคุมก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ประเทศไปสู่เป้าหมาย Net Zero
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่มีการนำเสนอนโยบายกัญชา เนื่องจากนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ได้ประสบความสำเร็จไปแล้ว พร้อมจับตานโยบายยกเลิก MOU 43-44












