‘วิโรจน์’ ชมทหาร-ฝ่ายปกครอง ทำได้ดี ขน ปชช.ไปพื้นที่ปลอดภัย-ตอบโต้ได้สัดส่วน
‘วิโรจน์’ ชมทหาร-ฝ่ายปกครอง ทำได้ดีขนประชาชนไปพื้นที่ปลอดภัย-ตอบโต้ได้สัดส่วน แนะโชว์หลักฐาน ‘ไทย’ ระเบิดตึกสแกมเมอร์
วันนี้ (11 ธ.ค. 68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในฐานะ กมธ.ก็คงต้องติดตามมาตรการการเยียวยา ทหารผู้พลีชีพทหารที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อให้แน่ใจว่า รัฐจะดูแลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะความสูญเสียก็เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือดูแลสภาพจิตใจ การชดเชยเยียวยา ให้กับคนที่อยู่เบื้องหลังให้ดีที่สุด กรรมาธิการกำลังรวบรวมรายชื่อและทำหนังสือติดตามอย่างไม่ลดละ
ส่วนเรื่องที่ 2 ต้องติดตามสถานการณ์ การทำงานของทหารและฝ่ายปกครอง เรื่องการแจ้งเตือนประชาชน อพยพประชาชน ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยถือว่าทำได้ดี ระดับหนึ่ง ทำให้ทหารที่ต้องสู้รบไม่ต้องพะว้าพะวัง กับความปลอดภัยของพลเรือน ได้รับ ความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ป้าหมายส่วนใหญ่ในการตอบโต้กัมพูชาเป็นตึกกาสิโนหรือสแกมเมอร์ร้างถือว่ามาถูกทางแล้วหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องสแกมเมอร์เป็นอีกแนวรบหนึ่ง ที่ต้องใช้แนวทางการต่างประเทศ และแนวทางอื่นในการจัดการ ถือเป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้น แต่หลักๆในการโจมตีครั้งนี้ มีข้อมูลทางการข่าวที่มีนัยยะสำคัญ อาจจะมีภาพถ่ายทางอากาศ ที่บ่งชี้ว่า อาคารต่าง ๆ เหล่านี้มีการซุกซ่อนอาวุธ หรือเป็นแหล่งในการกักเก็บโดรนพลีชีพ และโดรนต่าง ๆ ที่เข้ามาคุกคามรุกราน ประเทศไทยหรือทำร้ายทำลายกำลังทหารของเรา ดังนั้นถือเป็นการตอบโต้ที่ได้สัดส่วน ที่พุ่งไปที่แหล่งเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามของเรา ให้สิ้นแสนยานุภาพ
เราต้องปกป้องภารกิจของกองทัพด้วย ไม่ใช่ว่าตึกนี้เป็นตึกสแกมเมอร์ เลยเอาระเบิดไปทิ้ง ไม่ใช่นะครับ แต่กองทัพมีการข่าวที่ค่อนข้างแม่นยำ ว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งซุกซ่อนอาวุธ และต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่เรื่องนี้เป็นเรื่องอาวุธทางเทคโนโลยี ไม่แปลกใจที่เขาจะเอาไปเก็บไว้ในอาคาร ที่เป็นศูนย์ประกันสแกมเมอร์ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีชั้นสูงเหมือนกัน ถือเป็นผลพลอยได้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เมื่อถามว่าท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ค่อนข้างแข็งกร้าว มีความน่ากังวลหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เราต้องการนายกที่มีความชัดเจนตรงไปตรงมา ณ วินาทีนี้ สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุด คือการจัดการยึดภูมิประเทศที่สำคัญ ที่เป็นภัยคุกคามของพลเรือน หรือกองทัพของเราให้ได้ และต้อง พยายามทำลายขีดความสามารถศักยภาพทางการสงครามของกัมพูชา เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากัมพูชาจะไม่มีสมรรถนะใด ๆ ที่จะใช้อาวุธสงคราม ทำลายพลเรือนและคุกคาม อธิปไตยของไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และยังมีเรื่องที่ตนไม่อยากให้มองข้าม คือแหล่งรายได้ที่กัมพูชาสามารถนำมาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทำร้ายประเทศไทยตนเข้าใจว่าโดรนพลีชีพจำนวนมาก ก็ถูกซื้อมาเนื่องจากมีราคาไม่แพง สามารถนำมาทำลายล้างอาวุธที่มีคุณภาพ และที่ราคาแพงที่สุดคือชีวิตของทหาร
“ถ้าเราไม่สามารถจัดการสแกมเมอร์ให้สิ้นซากได้กัมพูชาก็จะมีเงินมาซื้ออาวุธรุกรานเราไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ผิวเผินจากหน้า คือความขัดแย้งที่ชายแดน แต่เบื้องลึกเบื้องหลังคือสงครามสแกมเมอร์” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่าอีกไม่นานนายอนุทิน ต้องคุยกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีคำแนะนำหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่าตอนนี้การเชื่อมโยงข้อมูลเรื่องข่าวสารและการทหาร ระหว่างกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศจะต้องทำงานอย่างไร้รอยต่อ ไม่ใช่แค่ชี้แจง โดนัลด์ ทรัมป์แต่ต้องชี้แจงกับนานาอารยประเทศ ว่า เหตุใดเราถึงต้องทำลายเป้าหมายอย่างนั้น ทำไมอาคารตรงนั้นตรงนี้ ถึงอยู่ในบัญชีเป้าหมาย เพราะ บริเวณนั้นเป็นที่ซุกซ่อนของอาวุธสงคราม เรามีหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศรวมถึงภาพถ่ายจากโดรน เราก็ต้องทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ถ้ามีการยืนยันในลักษณะนี้ตนคิดว่าเป็นเหตุผลที่รับฟังได้และเป็นไปตามมาตรการที่อยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ












