POLITICS

นายกฯ เผย อยู่ระหว่างขยายผล ขบวนการสวมสิทธิสถานะบุคคลได้รับสัญชาติ

นายกฯ เผย อยู่ระหว่างขยายผล ขบวนการสวมสิทธิสถานะบุคคลได้รับสัญชาติ ยัน หากเจอใครโดนหมด ไม่มีช่วย แต่ช่วยซ้ำให้หนักขึ้น ยอมรับ มีเจ้าหน้าที่รัฐ และจีนเทา เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมด เหมือน “ฝนตกขี้หมูไหล” หนุน เจ้าหน้าที่จัดการ ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพล เตรียมทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ขอให้เมตตาพิจารณากลุ่มผู้ต้องหา หลังได้รับการประกันตัวในวงเงินแค่หลักแสน

วันนี้ (20 พ.ย. 68) เวลา 11:40 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 5 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถายหลังเป็นประธานแถลงผลการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทุจริตรับผลประโยชน์กับชาวต่างชาติ และคนต่างด้าวที่ได้รับสถานะอยู่อาศัยถาวรในประเทศไทย และขบวนการสวมสิทธิสถานะบุคคลที่ได้รับสัญชาติ จะมีการขยายผลกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับสูงกว่านี้ด้วยหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล หากไปถึงไหนก็ต้องโดนหมด ส่วนรายละเอียดเรื่องค่าหัวเรียกรับ ขอให้อธิบดีปกครองชี้แจง

ส่วนที่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในรัฐบาลชุดนี้จะต้องไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกกับพี่ๆ ตำรวจ ซึ่งถือว่าโชคดีอย่างหนึ่งที่เหมือนเพื่อนกัน คบกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก คุยกันรู้เรื่อง และเข้าใจหน้าที่กันดี และได้บอกไปว่า ถ้าหนักใจอะไรก็ขอให้ปิดชื่อไว้ก่อน เพื่อดูพฤติกรรม และถ้าหากเปิดชื่อเจอใครก็จะไม่ยกเว้น พร้อมย้ำว่า หากใครมีข้อมูล ขอนำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเอาไปเก็บไว้ทำไม คนพวกนี้เอาไปเก็บไว้ ก็ไม่เกิดมงคลอะไรกับตัวเอง เอามาให้ตำรวจ เพื่อที่ตำรวจจะได้ไปจับ และดำเนินคดีอย่างเต็มที่ แต่ละคนที่ได้ชื่อมาก็เอาไปขยายผล

ส่วนจะเป็นการล้างบางข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ในกระทรวงมหาดไทยเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเรียกว่าล้างบาง คำว่า ล้างบางนั้นต้องมีแต่คนที่ไม่ดี ซึ่งในทุกองค์กร มีคนไม่ดีอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถือว่าเป็นส่วนน้อย ที่ทำชื่อเสียงเหม็นเน่าป่นปี้ ได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ ดังนั้น เรื่องการปราบปรามดำเนินคดี กำจัดคนเหล่านี้ออกไป ไม่ใช่เรื่องที่ยาก

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้มีการขยายผลความเสียหายจากการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ ว่ามีมูลค่าความเสียหายเท่าใด นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ข้าราชการการเรียกรับผลประโยชน์ของข้าราชการที่ทุจริต เราก็ดำเนินการไปแล้ว ไล่ออกจากราชการ และจับดำเนินคดี แต่เทียบไม่ได้กับที่คนเหล่านี้ทำความเดือดร้อน ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

ส่วนจากที่มีการขยายผลพบว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มจีนสีเทานั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คนพวกนี้เกี่ยวข้องกันทั้งหมด “เหมือนฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาพบกัน” คนที่เกี่ยวข้องกับค้ามนุษย์ การพนัน สแกมเมอร์ พนันออนไลน์ ค้าบริการทางเพศ ก็อยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด เพราะมันก็ทำได้แค่นี้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชื่นชมผู้ปฏิบัติการทุกคน ที่ทำงานอย่างเต็มที่ เอานโยบายของรัฐบาลไปทำ ซึ่งรัฐบาลไหนให้ความมั่นใจกับเขาว่า ไปแล้วจะไม่เจอตอ เจอใครก็คนนั้นไม่มีการช่วย ช่วยดีอย่างเดียวคือช่วยซ้ำ ให้มันหนักยิ่งขึ้น อันนี้มีเขาจึงทำงานอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้น นโยบายของตนมีความชัดเจน ว่าให้ทำอย่างเต็มที่ จึงเห็นการจับกุมรายใหญ่ๆ ในทุกสัปดาห์ เพราะเราทำงานด้วยความเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นโยบายการให้สัญชาติ เกิดขึ้นในช่วงที่นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และได้รับการชื่นชมจาก UNHCR แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐที่ตัวเองควบคุมอยู่ทุจริตหาผลประโยชน์ จะถือว่าเป็นการเสียหน้าหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่าเป็นการให้โดยหลักมนุษยธรรม และไม่เสียหน้า เพราะเป็นการให้ตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งคนที่เสียหน้า คือคนที่มาหาผลประโยชน์ในช่องโหว่ตรงนี้ หรือคือ นายอำเภอเสียหน้าแน่ๆ นอกจากเสียหน้า ยังเสียผู้เสียคน เพราะเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แม้ตำแหน่งสูง แต่เห็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก หรือพูดง่ายๆ ว่าคนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายคือคนเหล่านี้ และสุดท้ายก็ถูกดำเนินคดีไม่พ้นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง อธิบดีกรมการปกครองมีคำสั่งให้ออกจากราชการ เพราะมีความผิดชัดเจน

“สิ่งเหล่านี้คือการสนับสนุนให้เห็นว่า ทำไปเถอะรัฐบาลอยู่ข้างหลังอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ปืน และของกลางทั้งหลายที่จับได้ ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรปืนจำนวนมากเหล่านี้อยู่ในบ้านคนๆ เดียว หากบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป และให้ผู้ใหญ่บ้านสามารถครอบครองอาวุธ ที่สามารถทำลายชีวิต คนได้อย่างรุนแรง แบบนี้ก็เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน สิ่งเหล่านี้เราต้องดำเนินการปราบปราม เพราะผิดกฎหมายทุกอย่าง นี่คือเหตุผลที่ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ้นไป 3 เดือนแล้วกลับมา ผมไม่ยอมให้มีการต่อ อายุทะเบียนปืน สำหรับคนทั่วไป เราต้องทำให้ประชาชนในประเทศไทยไม่ต้องถือปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น ที่จะต้องถืออาวุธเหล่านี้ไปปราบปรามคนไม่ดี แต่ประชาชนต้องอยู่ด้วยความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกพาอาวุธ ซึ่งของกลางที่จับมาบอกว่าเอาไว้ป้องกันตัว มันไม่ได้ เพราะมีเยอะก็เท่ากับมีไว้เอาไปทำลาย คนอื่น ข่มขู่ ซึ่งต้องปราบ“ นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่างอีกว่า ทราบข่าวว่าผู้ที่ถูกจับกุมได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน แค่หนึ่งแสนบาท ซึ่งกลับไปตนจะทำหนังสือกราบเรียนประธานศาลฎีกาให้พิจารณา เพราะคนที่ทำผิดแบบนี้สมควรที่จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ แต่ตนเคารพดุลพินิจของศาลอยู่แล้ว ซึ่งคนที่ให้ประกันอาจดูเพียงสำนวน ไม่ได้ดูจุด ว่าร้ายแรงอย่างไร หากมาเห็นว่าผู้ต้องหาพกอาวุธร้ายแรงขนาดนี้ เต็มบ้าน และมีพฤติกรรมไม่ดี ทำผิดกฎหมายแทบทุกอย่าง แต่พอจับได้ ก็ได้การประกันตัว จึงขอย้ำว่า ความเคารพต่อดุลพินิจศาลของตนมี แต่ก็ต้องทำเรื่องกราบเรียนให้ทราบว่า ต้องมีวิธีอะไรหรือไม่ ซึ่งสุดแล้วแต่ความกรุณา

Related Posts

Send this to a friend