กรมอนามัย รณรงค์ดื่มนมจืดวันละ 2 แก้ว ยัน นมโคสด-นมผง คุณค่าทางโภชนาการต่างเพียงเล็กน้อย
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยพร้อมส่งเสริมคนไทย ‘ทุกเพศทุกวัย…ดื่มนมจืด 2 แก้วทุกวัน’ ร่วมกับกินอาหารครบ 5 หมู่ ที่มีความหลากหลาย กินครบ 3 มื้อ ในปริมาณสัดส่วนที่เหมาะสมแต่ละช่วงวัยตามธงโภชนาการ ขณะที่วัยเรียน และวัยรุ่น ควรออกกำลังกายสะสมวันละ 60 นาที วัยทำงานออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ รับแสงแดดช่วงเช้าหรือเย็นทุกวัน เพื่อรับวิตามินดีช่วยการดูดซึมแคลเซียม นอนหลับให้เพียงพอ
สำหรับนมวัวยังคงเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินบี 2 ซึ่งนมวัว 1 แก้ว (200 มิลลิลิตร) ให้พลังงานเฉลี่ย 125 กิโลแคลอรี โปรตีน 6.6 กรัม แคลเซียม 200 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 182 มิลลิกรัม ส่วนผู้ที่ต้องการลดการกินไขมัน อาจเลือกนมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย
นพ.ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า นมวัวที่วางจำหน่าย ต้องผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อโดยการพาสเจอร์ไรส์ หรือสเตอริไลส์ หรือยูเอชที จึงมีความปลอดภัย วิธีการสังเกตว่าผลิตจากน้ำนมโคสด หรือผลิตจากนมผง หรือมีนมผงเป็นส่วนประกอบ ดูได้จากฉลากบรรจุภัณฑ์ หากเป็นนมรสจืดส่วนใหญ่จะผลิตจากน้ำนมโคสด 100% และหากมีการใช้นมผงเป็นส่วนประกอบจะต้องระบุไว้บนฉลาก
นมผงเป็นการนำน้ำนมโคดิบที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อที่ระเหยน้ำออกด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ จนเป็นผง และอาจเติมวัตถุอื่นใดที่เป็นองค์ประกอบของนมได้ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 350 พ.ศ.2556 และกำหนดการใช้วัตถุเจือปนอาหารในนมผงให้ใช้ได้ตามชนิดและปริมาณสูงสุดที่อนุญาตให้มีการเติมลงในนมผง เช่น สารทำให้คงตัว สาร Emulsifier สารป้องกันการจับเป็นก้อน เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการของนมผง เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำนมโคสดพบว่า มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกระบวนการผลิตนมผงอาจทำให้โปรตีนและวิตามินบางส่วนสูญสลาย ซึ่งในทางโภชนาการนับว่าไม่รุนแรง เพราะสารอาหารหลักยังคงอยู่ และสารที่สูญเสียไปสามารถเสริม หรือเติมลงไปทดแทนได้












